คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1264/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายเป็นพยานบอกเล่า จะรับฟังได้แต่เพียงเป็นพยานประกอบคำเบิกความของพยานโจทก์ในชั้นศาลเมื่อตามคำเบิกความของพยานโจทก์ในชั้นศาลไม่มีผู้ใดเห็นว่าจำเลยกระทำผิด เพียงคำให้การชั้นสอบสวนดังกล่าวย่อมไม่พอฟังลงโทษจำเลย โจทก์อ้างสำนวนคดีอาญาคดีอื่นของศาลชั้นต้น ซึ่ง ช.ถูกฟ้องว่าร่วมกับพวกพยายามฆ่าผู้เสียหายในคดีนี้และผู้เสียหายเข้าเบิกความเป็นพยานโจทก์ยืนยันว่า ช. กับจำเลยเป็นคนร้ายรายนี้แต่คดีดังกล่าวจำเลยมิได้เป็นคู่ความอยู่ด้วย ทั้งผู้เสียหายมิได้เบิกความในคดีดังกล่าวต่อหน้าจำเลย จะนำมาฟังในคดีนี้ว่าจำเลยร่วมกระทำความผิดด้วยหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,83, 288
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80, 83 จำคุก 12 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว โจทก์ไม่สามารถนำพยานที่รู้เห็นเหตุการณ์มาเบิกความ คงมีแต่พันตำรวจตรีสมชายพนักงานสอบสวนเบิกความประกอบคำให้การชั้นสอบสวนเอกสารหมาย ป.จ.3 ถึงป.จ.5 สรุปว่าผู้เสียหายได้เคยให้ถ้อยคำไว้ว่าจำเลยเป็นหนึ่งในคนร้ายที่ร่วมกับนายชุมพลหรือพลใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายเห็นว่าคำให้การชั้นสอบสวนตามเอกสารดังกล่าวเป็นพยานบอกเล่าจะรับฟังได้แต่เพียงเป็นพยานประกอบคำเบิกความของพยานโจทก์ในชั้นศาลเมื่อตามคำเบิกความของพยานโจทก์ในชั้นศาลไม่มีผู้ใดรู้เห็นว่าจำเลยกระทำความผิด โจทก์คงมีแต่คำให้การชั้นสอบสวนเป็นพยานย่อมไม่พอฟังลงโทษจำเลย ส่วนที่โจทก์อ้างสำนวนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 254/2529 ของศาลชั้นต้น ซึ่งนายชุมพลหรือพล มาลารัตน์ถูกฟ้องว่าร่วมกับพวกพยายามฆ่าผู้เสียหายในคดีนี้ และผู้เสียหายเจ้าเบิกความเป็นพยานโจทก์ยืนยันว่านายชุมพลหรือพลกับจำเลยเป็นคนร้ายรายนี้นั้น คดีดังกล่าวจำเลยมิได้เป็นคู่ความอยู่ด้วยทั้งผู้เสียหายมิได้เบิกความในคดีดังกล่าวต่อหน้าจำเลย จะนำมาฟังในคดีนี้ว่าจำเลยได้ร่วมกระทำความผิดด้วยหาได้ไม่ ศาลอุทธรณ์ภาค 3พิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share