แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
อำนาจผู้ขาย ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งอยู่ในความดูแลของกระทรวงการคลัง ๆ ทำสัญญาจะซื้อขายแก่เอกชนแม้จะยังมิได้รับอนุญาตจากรัฐบาลเพื่อออกกฤษฎีกาให้ขายได้ สัญญานั้นก็นับว่าสมบูรณ์
ย่อยาว
โจทก์มีที่ดินอยู่แปลงหนึ่ง เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งอยุ่ในความดูแลของโจทก์ จำเลยได้มีหนังสือถึงโจทก์ลงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๗๔ ตกลงจะรับซื้อที่รายนี้ตารางวาละ ๑๐๐ บาทตามราคาที่โจทก์เสนอขาย ตามหนังสือของจำเลยมีข้อความตอน ๑ ว่า เพื่อให้โจทก์เสนอเรื่องและจัดการต่อไปจนกว่าจะสำเร็จ
โจทก์จึงดำเนินการขออนุญาตรัฐบาลขายที่แห่งนี้ เวลาล่วงมาจนถึงวันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๗๖ จึงได้มีพระราชกฤษฎีกาให้ขายที่แห่งนี้ได้ โจทก์จึงบอกให้จำเลยนำเงินมาชำระและทำหนังสือซื้อขายต่อกัน จำเลยบอกปัดไม่รับซื้อ อ้างว่าโจทก์ไม่โอนขายให้ในเวลาอันสมควร แลว่าโจทก์ไม่มีอำนาจขายที่นี้ บัดนี้ราคาที่ตกต่ำเหลือตารางวาละ ๔๕ บาทโจทก์จึงฟ้องขอให้บังคับซื้อหรือใช้ค่าเสียหายรวม ๓๓๐ บาทแก่โจทก์
ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยทราบดีแล้วว่าการซื้อขายที่เช่นนี้จะต้องมีพระราชกฤษฎีกาดังปรากฎตามข้อความในหนังสือตกลงซื้อขายที่จำเลยมีไปถึงโจทก์ซึ่งหมายความว่าขอให้โจทก์ขออนุญาตต่อรัฐบาลให้มีพระราชกฤษฎีกานั่นเอง การที่จำเลยเถียงว่าจำเลยหมายเพียงให้โจทก์เสนอแลจัดการตามลำดับชั้นเจ้าหน้าที่ในกระทรวงเท่านั้น เห็นว่าเป็นเพียงระเบียบภายในของการงานทั่วไป ไม่ใช่ธุระจำเลยจะขอ แต่การขออนุญาตรัฐบาลออกพระราชกฤษฎีกาให้ขายนั้น เป็นเรื่องพิเศษที่จะต้องตกลงกันให้แน่นอนเสียก่อน ฉะนั้นเวลาที่ล่วงไปเพียงเท่านี้หาเกินสมควรไม่ ข้อที่จำเลยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจขายในขณะทำสัญญา เพราะยังมิได้มีพระราชกฤษฎีกาออกนั้น เห็นว่าโดยหน้าที่โจทก์ย่อมมีอำนาจขออนุญาตขายได้ แลก็ได้ขอสำเร็จจนออกพระราชกฤษฎีกาแล้ว จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ที่ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาแก่โจทก์เป็นเงิน ๓๓๐ บาท