แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทนายดำเนินกระบวนพิจารณาแทนโจทก์มาตั้งแต่ศาลชั้นต้นจนเสร็จสำนวนแล้วลงชื่อยื่นฟ้องอุทธรณ์แทนโจทก์อีก แต่มิได้มีการแต่งทนายไว้เพราะความพลั้งเผลอทั้งมิได้ประวิงคดีหรือเอาเปรียบในเชิงคดี และศาลชั้นต้นก็ได้สั่งรับอุทธรณ์ เมื่อคดีมาถึงชั้นศาลฎีกาตัวโจทก์ก็ได้แต่งทนายผู้นี้ไว้แล้วในวันยื่นฎีกา ดังนี้ แม้จะเป็นการปฏิบัติผิดประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ก็สมควรที่ศาลจะอนุญาตให้ทำเสียให้ถูกต้องได้ตาม มาตรา 27 และ พอถือได้ว่าการพิจารณาและการอุทธรณ์เป็นการชอบแล้ว (เทียบฎีกาที่ 1894/2499)
ย่อยาว
ฟ้องกันเรื่องค้ำประกันว่า โจทก์ต้องใช้เงินแทนจำเลยค่าซื้อยางรถยนต์ให้แก่บริษัทผู้ขายเพราะจำเลยไม่ชำระค่ายางนั้น จำเลยสู้ว่า ไม่ใช่ค้ำประกันแต่เป็นการไปรับยางมาแทนโจทก์
ศาลแพ่งฟังว่าเป็นการค้ำประกัน แต่เอกสารการค้ำประกันมิได้ปิดอากรแสตมป์จึงเป็นหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ โดยนายชัยวัฒน์ทนายเซ็นชื่อเป็นผู้อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์เห็นว่า นายชัยวัฒน์มิได้รับแต่งตั้งเป็นทนาย ไม่มีสิทธิเซ็นชื่อในอุทธรณ์ จึงพิพากษายกอุทธรณ์โดยไม่วินิจฉัยประเด็นแห่งคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า นายชัยวัฒน์ได้ซักค้านพยานโจทก์จำเลยมาตั้งแต่แรกเริ่มการพิจารณาจนเสร็จสำนวนโดยมิได้มีการแต่งทนาย ครั้นศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์แพ้นายชัยวัฒน์ลงชื่อเป็นผู้อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ก็สั่งรับ เห็นว่าโจทก์มิได้ประวิงความหรือเอาเปรียบในเชิงคดีหากเป็นด้วยพลั้งเผลอ แม้จะผิดต่อ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ก็สมควรที่ศาลจะอนุญาตให้ทำเสียให้ถูกตาม มาตรา 27 และโจทก์ก็ได้แต่งตั้งนายชัยวัฒน์เป็นทนายในวันยื่นฎีกาแล้วพอถือได้ว่าการพิจารณาและการอุทธรณ์เป็นการชอบแล้วตามนัย ฎีกาที่ 1894/2499 จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ตามรูปคดี