แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การหยุดงานวันธรรมสวนะตามประกาศสำนักคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2499 ถือว่าเป็นวันหยุดราชการปกติประจำสัปดาห์ ลูกจ้างไม่สิทธิได้รับเงินค่าจ้างสำหรับวันหยุดทำงานตามพระราชบัญญัติแรงงาน มาตรา 25
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องเรียกค่าจ้างสำหรับวันธรรมสวนะที่ค้างจ่ายเป็นเงิน ๘๙๙ บาท ๕๖ สตางค์ พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ไม่มีหน้าต้องจ่ายเงินค่าจ้างสำหรับวันธรรมสวนะที่หยุดงามด้วย
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ว พิพากษาให้โจทก์ ชนะคดี
จำเลยอุทธรณ์ ศาล อุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อ ก่อนใช้บังคับพระราชบัญญัติแรงงาน พ.ศ. ๒๔๙๙ โจทก์ได้เป็นลูกจ้างตั้งแต่ยังไม่มีการหยุดงานในวันธรรมสวนะ และได้มีการหยุดงานในวันธรรมสวนะขึ้นก็เพราะสำนึกคณะรัฐมนตรี ได้ประกาศเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๔๙๙ ข้อความตอนท้ายประกาศระบุไว้ชัดเจนว่า ให้แก้ไขวันหยุดราชการประจำสัปดาห์เสียใหม่ คือ วันหยุดราชการปกติประจำสัปดาห์ ให้หยุดวันธรรมสวนะ และวันอาทิตย์ ฯลฯ จึงต้องถือว่า การหยุดงานในวันธรรมสวนะ เป็นการหยุดตามปกติประจำสัปดาห์ ฉะนั้นในตอนก่อนใช้พระราชบัญญัติแรงงาน โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเอาค่าจ้างแรงงานสำหรับวันธรรมสวนะที่หยุดงานแต่ประการใด ส่วนในตอนหลังที่ใช้พระราชบัญญัติแรงงานแล้ว บทบังคับในพระราชบัญญัตินี้ได้ให้นายจ้างและลูกจ้างตกลงวันกำหนดวันหยุดประจำสัปดาห์แต่ต้องไม่น้อยกว่า สัปดาห์ละ ๒๔ ชั่วโมง ติดต่อกัน และให้ตกลงวันกำหนดวันหยุดงาน ตามประเพณีนิยม แต่ต้องไม่น้อยกว่า ปีละ ๑๓ วัน (มาตรา ๑๐, ๑๑) วันหยุดงานตามประเพณีนิยมเท่านั้น ลูกจ้างจึงจะมีสิทธิได้รับค่าจ้างเช่นเดียวกับวันทำงานตลอดวันที่หยุดนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การปฏิบัติระหว่างโจทก์จำเลยในการจ้างจึงต้องเป็นไปตามระเบียบแบบแผนทางราชการดังกล่าว คือ
วันหยุดตามปกติประจำสัปดาห์ ได้แก่วันอาทิตย์และวันธรรมสวนะ ซึ่งไม่ขัดต่อบทบังคับแห่งพระราชบัญญัติแรงงาน พ.ศ. ๒๔๙๙ ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น แต่อย่างใดเลย
พิพากษายืน