คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1255/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การขอแก้วันกระทำผิดในฟ้องเมื่อสืบพยานโจทก์ไปแล้ว 3 ปาก โดยอ้างเหตุผลในคำร้องขอแก้ฟ้องว่าเพราะรายงานการสอบสวนของพนักงานสอบสวนบกพร่องทำให้อัยการโจทก์เข้าใจผิดถือได้ว่ามีเหตุสมควรและเป็นการขอแก้รายละเอียดในฟ้อง
เมื่อไม่เป็นเหตุให้จำเลยหลงข้อต่อสู้คดีแล้วโจทก์ย่อมขอแก้ได้(อ้างฎีกาที่ 390/2484 และที่ 364/2494)
ข้อที่ว่าการขอแก้ฟ้องจะทำให้จำเลยเสียเปรียบหรือไม่นั้นเมื่อปรากฏว่าในชั้นยื่นคำร้องขอให้ขังจำเลยก่อนฟ้องคดีนี้ก็ปรากฏว่าเหตุเกิดในวันที่ตรงกับที่ขอแก้ไขใหม่ ซึ่งจำเลยได้รับสำเนาไปแล้วไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ เพราะโจทก์ยังสืบพยานไม่หมดและจำเลยก็ยังได้นำสืบต่อสู้ตามวันที่โจทก์ขอแก้วันเกิดเหตุนั้นด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2498 เวลากลางวัน จำเลยสมคบกันมีมีดดาบเป็นอาวุธทำการปล้นธนบัตรของนายกี่ แซ่ตั้น ไปรวม 1,000 บาท ขอให้ลงโทษ

จำเลยปฏิเสธ ต่อสู้ฐานที่อยู่

เมื่อศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ไปได้ 3 คนแล้ว ปรากฏจากคำพยานที่สืบไปแล้วว่า เหตุเกิดวันที่ 15 มกราคม 2498 จำเลยยื่นคำแถลงว่าทางพิจารณาต่างกับฟ้อง ขอให้ศาลพิจารณาข้อกฎหมาย โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้อง อ้างว่า รายงานการสอบสวนว่าเกิดเหตุวันที่ 14 ทำให้อัยการเข้าใจผิด จึงขอแก้วันเกิดเหตุเป็นวันที่ 15 มกราคม 2498 ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่าคำร้องของโจทก์อ้างเหตุผลอันสมควรและจำเลยไม่หลงข้อต่อสู้ จึงอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องได้ จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านไว้ว่า จำเลยหลงข้อต่อสู้ ทำให้จำเลยเสียเปรียบ

ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทั้ง 4 คนทำผิดตามฟ้อง ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม. 301 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ก.ม.ลักษณะอาญาพ.ศ. 2477 (ฉบับที่ 4) ม. 7 ให้จำคุกจำเลยคนละ 10 ปี แต่นายนพจำเลยอายุไม่เกิน 17 ปี และนายเอื้อมจำเลยอายุไม่ครบ 20 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง และ 1 ใน 3 ตาม ม. 58 และ 58 ทวิ ตามลำดับ คงจำคุกนายนพจำเลย 5 ปี นายเอื้อมจำเลย 6 ปี 8 เดือน กับให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 1,000 บาทแก่เจ้าทรัพย์

จำเลยทุกคนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1-2 ฎีกาโต้แย้งคัดค้านในการที่ศาลอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องได้ ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา เพราะทำให้จำเลยเสียเปรียบและหลงข้อต่อสู้ ขอให้ยกฟ้อง อ้างฎีกาที่ 774/2481 และที่ 247/2492 ขึ้น สนับสนุน

ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อโจทก์สืบพยานของโจทก์ไปแล้วได้ 3 ปาก จากคำพยานปรากฏว่า เหตุเกิดวันที่ 15 มกราคม 2498 และต่อมาจำเลยยื่นคำแถลงว่าทางพิจารณาพยานโจทก์แตกต่างกับฟ้อง โจทก์จึงยื่นคำร้องขอแก้ฟ้องโดยอ้างเหตุผลว่า เพราะรายงานการสอบสวนของพนักงานสอบสวนบกพร่องทำให้อัยการเข้าใจผิด จึงได้ร้องขอแก้วันเกิดเหตุเป็นวันที่ 15 มกราคม 2498 การขอแก้วันทำผิดในฟ้องเมื่อสืบพยานโจทก์ไปแล้ว 3 ปาก ถือได้ว่าเป็นการขอแก้รายละเอียดในฟ้อง เมื่อไม่เป็นเหตุให้จำเลยหลงข้อต่อสู้คดีแล้ว โจทก์ย่อมขอแก้ได้ ตามฎีกาที่ 390/2484 และฎีกาที่ 364/2494

ในข้อที่ว่าการขอแก้ฟ้องจะทำให้จำเลยเสียเปรียบหรือไม่นั้นปรากฏว่าในชั้นแรกที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ขังจำเลยก่อนฟ้องคดีนี้ก็ปรากฏว่าเหตุเกิดวันที่ 15 มกราคม 2498 ซึ่งจำเลยได้รับสำเนาไปแล้ว ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบอย่างไร เพราะโจทก์ยังสืบพยานไม่หมด และจำเลยก็ยังได้นำสืบต่อสู้ตามวันที่โจทก์ขอแก้วันเกิดเหตุนั้นด้วย ฎีกา 2 เรื่องที่จำเลยอ้างมา ข้อเท็จจริงที่โจทก์ในเรื่องนั้น ๆ ขออ้างเป็นเหตุขอแก้ฟ้อง ไม่เหมือนเรื่องนี้ จึงเอาเป็นบันทัดฐานไม่ได้ และฟังข้อเท็จจริงตามศาลล่าง พิพากษายืน

Share