คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยเอาน้ำมันดีเซลไปจากโจทก์ 4 ครั้งรวมจำนวน 5,026.45 ลิตรคิดราคาเป็นเงิน 35,738.06 บาท โดยสัญญาว่าจะนำมาคืนให้ภายในเวลาที่กำหนด เป็นเรื่องการยืมใช้สิ้นเปลืองในทางแพ่งกรรมสิทธิ์ในน้ำมันเป็นของจำเลยแล้ว แม้จำเลยไม่คืนให้ตามกำหนด การกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352,91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่ง คดีไม่มีมูลพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘…การกระทำของจำเลยครบองค์ประกอบเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 หรือไม่ ในปัญหาดังกล่าวข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนฟังว่าเป็นการยืมน้ำมันดีเซลซึ่งเป็นการยืมใช้สิ้นเปลืองในทางแพ่ง เห็นว่าการยืมใช้สิ้นเปลืองในทางแพ่งอันเป็นสัญญาซึ่งผู้ให้ยืมโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ยืมไปให้แก่ผู้ยืมแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 650 ดังนั้นน้ำมันดีเซลที่โจทก์ให้จำเลยยืมทั้ง 4ครั้ง กรรมสิทธิ์จึงตกเป็นของจำเลยแล้ว การครบองค์ประกอบเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352นั้น จะต้องเป็นการกระทำที่ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่นหรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของร่วมอยู่ด้วยแล้วเบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริตสำหรับกรณีแห่งคดีนี้เมื่อน้ำมันดีเซลที่จำเลยยืมจากโจทก์นั้นกรรมสิทธิ์ตกเป็นของจำเลยแล้ว จำเลยย่อมมีสิทธินำน้ำมันดีเซลนั้นไปใช้หรือจำหน่ายจ่ายโอนได้ การกระทำของจำเลยไม่ครบองค์ประกอบความผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์ขอให้ลงโทษ ที่โจทก์ฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า โจทก์จำเลยมีเจตนาแน่วแน่ในการตกลงเอาคืนและส่งคืนทรัพย์ที่เอาไปนั้น เห็นว่าเป็นฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงว่าการยืมน้ำมันดีเซลระหว่างโจทก์จำเลยไม่ใช่เป็นการยืมใช้สิ้นเปลืองซึ่งต้องห้ามฎีกาดังกล่าวแล้วข้างต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น’
พิพากษายืน.

Share