แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีอาญา เมื่อศาลส่งสำเนาอุทธรณ์ให้ทนายจำเลยรับไป ภายหลังทนายจำเลยแถลงต่อศาลว่าตัวจำเลยไม่ได้รับทราบสำเนาอุทธรณ์เพราะหาตัวไม่พบ ศาลขอให้ทางอำเภอส่งหมายให้จำเลยก็ส่งไม่ได้ ดังนี้ ศาลอุทธรณ์ก็ต้องจำหน่ายคดีเพราะในการพิจารณาคดีทั้งปวง หลักสำคัญมีอยู่ว่า จำเลยต้องมีตัวอยู่ให้ศาลเรียกมาได้ เมื่อต้องการไม่ว่าเวลาใด ๆ.
(อ้างฎีกาที่ 410/2488)
ย่อยาว
คดี ๒ สำนวนนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานปล้นทรัพย์ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์แต่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้นักโทษชายปริ่มไม่ได้ ส่วนนายด้วงจำลย ทนายนายด้วงได้เซ็นรับสำเนาอุทธรณ์ไปได้แถลงว่าตัวนายด้วงจำเลยไม่ได้รับทราบสำเนาอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นได้ส่งสำเนาอุทธรณ์ไปให้อำเภอจัดส่งทางภูมิลำเนา อำเภอรายงานว่าส่งไม่ได้ ศาลอุทธรณ์ให้จำหน่ายคดีทั้ง ๒ สำนวน ผู้พิพากษานายหนึ่งเห็นว่า ควรพิจารณาคดีนายด้วงจำเลยไปได้เพราะทนายนายด้วงได้รับสำเนาอุทธรณ์ไปแล้ว
โจทก์ฎีกา,
ศาลฎีกาเห็นว่า ในการพิจารณาคดีอาญาทั้งปวงมีหลักสำคัญอยู่ว่า จำเลยต้องมีตัวให้ศาลเรียกมาได้ เมื่อต้องการพิจารณาไม่ว่าเวลาใด แม้ในดคีที่จำเลยฎีกาเองและตัวจำเลยได้ยื่นฎีกา หากต่อมาตัวจำเลยไม่อยู่ในอำนาจศาล ศาลก็ไม่ควรพิจารณาคดี และจำหน่ายคดีเสียได้
พิพากษายืน.