คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1248/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยเพราะเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ดังนี้ การที่จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้องโจทก์เป็นการไม่ถูกต้องไม่สามารถจะทำได้ เพราะศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงในประเด็นแห่งคดีให้เป็นไปตามลำดับชั้นของศาล
อุทธรณ์ของจำเลยมิได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นอ้างอิงไว้ให้ชัดแจ้งว่าคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ชอบอย่างไรและจำเลยควรจะชนะคดีได้เพราะเหตุใด ทั้งข้อเท็จจริงที่กล่าวอ้างไว้ในอุทธรณ์ก็ไม่เป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น จึงไม่เป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ศาลอุทธรณ์ย่อมไม่รับวินิจฉัยให้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับจำเลยทั้งสองและบุคคลอื่นตกลงเล่นแชร์กันรวม18 หุ้น หุ้นละ 3,000 บาท โจทก์กับจำเลยทั้งสองร่วมกันเล่นฝ่ายละครึ่งหุ้นคือออกค่าหุ้นฝ่ายละ 1,500 บาท สำหรับจำเลยที่ 1 ถือหุ้นแทนจำเลยที่ 2 ด้วยและจำเลยที่ 2 เป็นผู้ประมูลแชร์ได้ในงวดที่ 2 โจทก์มอบเงินให้จำเลยไป 24,130บาท แต่จำเลยไม่เคยส่งเงินค่าหุ้นเดือนละ 1,500 บาทเลย ซึ่งโจทก์ต้องออกแทนไป 12,000 บาท เป็นเวลา 8 งวด ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินดังกล่าวพร้อมทั้งค่าหุ้นเดือนละ 1,500 บาท จนครบจำนวนหุ้น

จำเลยทั้งสองไม่เคยตกลงเล่นแชร์กับโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าหุ้นแชร์ให้โจทก์ 16 เดือนเดือนละ 1,500 บาท ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 เพราะเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225

จำเลยที่ 1 ฎีกา ขอให้รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้วินิจฉัยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี หรือมิฉะนั้นให้พิพากษายกฟ้องโจทก์

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยขอให้พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น เป็นการไม่ถูกต้องไม่สามารถจะทำได้ เพราะศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงในประเด็นแห่งคดีให้เป็นไปตามลำดับชั้นของศาล จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกาขอให้ยกฟ้องคงมีปัญหาว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์โดยไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์นั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เมื่อตรวจพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยแล้วพอสรุปได้ความว่า โจทก์กับนายวิสูตรเป็นหัวหน้าวงแชร์ โจทก์ใช้สิทธิฟ้องคดีโดยไม่สุจริตเหตุที่เกิดคดีนี้สืบเนื่องจากนายวิสูตรกลัวโจทก์ทราบเรื่องว่านายวิสูตรเป็นชู้กับนางประไพ จึงทำการหลอกลวงโจทก์ ครั้นนายวิสูตรถูกนายฉัตรสามีนางประไพฟ้องว่าเป็นชู้กับนางประไพ จึงยุยงให้โจทก์ฟ้องจำเลยแก้เกี้ยว เห็นว่าข้ออุทธรณ์ดังกล่าวจำเลยมิได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นอ้างอิงไว้ให้ชัดแจ้งว่าคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ชอบอย่างไร และจำเลยควรจะชนะคดีได้เพราะเหตุใดทั้งข้อเท็จจริงที่จำเลยกล่าวอ้างไว้ในอุทธรณ์ก็ไม่เป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น จึงไม่เป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225 วรรคแรก ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้โดยพิพากษายกอุทธรณ์จำเลยที่ 1 นั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share