คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1248/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามสัญญาซื้อขายมีชื่อสามีจำเลยเป็นผู้ซื้อ แต่ผู้เดียวนั้น โจทก์มีสิทธิที่จะนำสืบได้ว่าตนมีส่วนออกเงินร่วมด้วยในการทำสัญญานั้น ไม่เรียกว่าเป็นการนำสืบแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงเอกสารที่ห้ามไว้ตามมาตรา 94(ข)ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เพราะเป็นการนำสืบถึงข้อเท็จจริงส่วนหนึ่ง มิได้เปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในตัวสัญญานั้นเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับสามีจำเลยได้ออกเงินซื้อที่ดินจากนายพัดแต่ให้สามีจำเลยลงชื่อในสัญญาแต่ผู้เดียวแล้วโจทก์กับสามีจำเลยได้แบ่งปันที่ดินกันครอบครองเป็นส่วนสัด สามีจำเลยตาย โจทก์จำเลยต่างครอบครองที่ดินตามส่วนแบ่งต่อไป เมื่อ พ.ศ. 2489 จำเลยได้บุกรุกทำลายข้าวกล้าของโจทก์เสียหาย และแย่งกรรมสิทธิ์จึงขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทหมายสีแดงเป็นของโจทก์ แล้วขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย จำเลยให้การว่าที่ดินตามโจทก์ฟ้องเป็นของสามีจำเลย ๆ ตาย ที่ดินทั้งหมดจึงตกเป็นมรดกแก่จำเลย ศาลชั้นต้นฟังว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์พิพากษาให้ขับไล่ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 1,000 บาทศาลอุทธรณ์แก้เฉพาะข้อค่าเสียหายให้จำเลยให้แก่โจทก์ 500 บาท นอกนั้นยืน

จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับเฉพาะฎีกาข้อกฎหมาย

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อที่ว่าตามสัญญาที่ทำกับนายพัดสามีจำเลยจะออกเงินแต่ผู้เดียวหรือโจทก์มีส่วนร่วมด้วยนั้นในกรณีเช่นนี้โจทก์มีสิทธิจะนำสืบได้ว่า ตนมีส่วนออกเงินร่วมด้วยในการทำสัญญานั้น ไม่เป็นการนำสืบแก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงเอกสารที่ห้ามไว้ตามมาตรา 94(ข) ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เพราะเป็นการนำสืบถึงข้อเท็จจริงส่วนหนึ่ง มิได้เปลี่ยนแปลงข้อความในตัวสัญญานั้นเลย

พิพากษายืน

Share