คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วสั่งยกคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาโดยให้เหตุผลว่าโจทก์ที่ 2 ไม่ใช่คนอนาถาประการหนึ่ง และคดีไม่มีมูลที่จะฟ้องร้องอีกประการหนึ่ง โจทก์ที่ 2 มิได้อุทธรณ์คำสั่งภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ที่ 2 ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาโจทก์ที่ 2 ย่อมหมดสิทธิที่จะอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156วรรคสุดท้ายประเด็นที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดว่าคดีของโจทก์ที่ 2 ไม่มีมูลฟ้องร้องย่อมยุติดังนั้น แม้ศาลจะอนุญาตให้โจทก์นำพยานมาสืบเพิ่มเติมตามคำร้องของโจทก์ที่ 2 และฟังได้ว่าโจทก์ที่ 2 เป็นคนยากจนก็ตาม แต่คดีต้องฟังยุติว่าคดีของโจทก์ที่ 2 ไม่มีมูลจะฟ้องร้อง ศาลก็จะอนุญาตให้โจทก์ที่ 2 ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาหาได้ไม่ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์ที่ 2 ใหม่ เพื่อนำพยานหลักฐานมาแสดงว่าโจทก์ที่ 2 ยากจนจริง โดยไม่ทำการไต่สวนนั้น จึงชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของนายฉ่ำ คงอ่อน ขอรับมรดกและทำลายพินัยกรรม พร้อมกับยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่าโจทก์ทั้งสองไม่ใช่คนอนาถา และคดีไม่มีมูลที่จะฟ้องร้อง ไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา กำหนดเวลาให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระ โจทก์ที่ 1 ชำระภายในกำหนด โจทก์ที่ 2 ขอผัด ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผัด 3 ครั้ง เมื่อจะครบครั้งที่ 3 โจทก์ที่ 2 กลับยื่นคำร้องว่า หาเงินไม่ได้ คดีมีมูลที่จะชนะแต่ยากจน ขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่ เพื่อนำพยานมาแสดงเพิ่มเติมว่า ยากจนจริง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ที่ 2 จะยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ ก็เฉพาะข้อที่ตนเป็นคนยากจนเท่านั้น ให้ยกคำร้อง

โจทก์ที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ตามคำร้องของโจทก์ที่ 2 แสดงว่า โจทก์ที่ 2ไม่มีพยานใหม่มาแสดงต่อศาล ไต่สวนไปคงไม่ได้ความเพิ่มเติมจากเดิมพิพากษายืน

โจทก์ที่ 2 ฎีกาว่า สามารถนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมจากเดิมว่าเป็นคนยากจน ขอให้ศาลฎีกาสั่งอนุญาตให้นำพยานหลักฐานใหม่มาแสดงเพิ่มเติมว่าโจทก์ที่ 2 เป็นคนยากจนลงในภายหลังด้วย

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของโจทก์โดยให้เหตุผลว่า โจทก์ไม่ใช่คนอนาถาประการหนึ่ง และคดีไม่มีมูลจะฟ้องร้อง เพราะโจทก์ที่ 2ไม่คัดค้านพินัยกรรมไว้ในคดีที่โจทก์ที่ 2 เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีหมายเลขแดงที่ 263/2513 ของศาลชั้นต้น โจทก์กลับมาฟ้องคดีนี้ว่าพินัยกรรมปลอมเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำอีกประการหนึ่ง โจทก์ที่ 2 มิได้อุทธรณ์คำสั่งคงขอผัดชำระค่าธรรมเนียมศาลจนจะครบกำหนดผัดครั้งที่ 3 โจทก์ที่ 2 จึงขอให้ศาลพิจารณาคำขออนาถาใหม่เมื่อพ้นกำหนด 7 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ที่ 2 ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ดังนี้ โจทก์ที่ 2 ย่อมหมดสิทธิที่จะอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรคสุดท้าย ประเด็นที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดว่าคดีของโจทก์ไม่มีมูลจะฟ้องร้องย่อมเป็นอันยุติ ดังนั้น แม้ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ที่ 2 นำพยานหลักฐานมาสืบเพิ่มเติมและฟังได้ว่าโจทก์ที่ 2 เป็นคนยากจนก็ตาม แต่คดีก็ต้องฟังตามข้อยุติว่าคดีของโจทก์ไม่มีมูลจะฟ้องร้อง ซึ่งศาลจะอนุญาตให้โจทก์ที่ 2ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาหาได้ไม่ ศาลฎีกาเห็นด้วยในผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกคำร้องของโจทก์ที่ 2

พิพากษายืน

Share