แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีนี้ศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ส่วนคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษคดีนี้ต่อได้มี คำพิพากษาถึงที่สุดว่า จำเลยมีความผิดฐานมีและพาอาวุธปืน ต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำ การตามหน้าที่ ทั้งสองคดีเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระและมีเจตนาในการกระทำผิดแยกต่างหาก โดยไม่มี ความเกี่ยวพันกัน ผู้เสียหายและพยานหลักฐานเป็นคนละชุด ลักษณะคดีและความผิดคนละประเภท ทั้งสองคดีไม่อาจฟ้องเป็นคดีเดียวกันหรือพิจารณาพิพากษารวมกันไปได้ กรณีดังกล่าวจึงไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) ดังนั้น ศาลย่อมนับโทษคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1372/2546 ของศาลชั้นต้นได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากเดิม ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิตให้นับโทษจำคุกของจำเลยที่ ๑ ในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ ๑ ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๓๗๒/๒๕๓๖ ของศาลชั้นต้น ริบของกลาง คำขออื่นให้ยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษายืน คดีถึงที่สุด
จำเลยที่ ๑ ยื่นคำร้องว่า คดีนี้กับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๓๗๒/๒๕๓๖ ของศาลชั้นต้น จำเลยที่ ๑ ได้กระทำความผิดต่อเนื่องกันมิได้ขาดตอนแม้โจทก์จะแยกฟ้อง ศาลก็สามารถพิจารณาพิพากษารวมกันไปได้ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๙๐, ๙๑ (๓) ขอให้ศาลแก้ไขหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดทั้งสองสำนวนให้เป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๙๑ (๓)
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า หมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดออกโดยถูกต้องตามคำพิพากษาแล้ว ไม่มีเหตุที่จะแก้ไขให้ได้ ยกคำร้อง
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว เห็นว่า คดีนี้ศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ส่วนคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษคดีนี้ต่อได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า จำเลยมีความผิดฐานมีและพาอาวุธปืน ต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ทั้งสองคดีเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระและมีเจตนาในการกระทำผิดแยกต่างหาก โดยไม่มีความเกี่ยวพันกัน ผู้เสียหายและพยานหลักฐานเป็นคนละชุด ลักษณะคดีและความผิดคนละประเภท ทั้งสองคดีไม่อาจฟ้องเป็นคดีเดียวกันหรือพิจารณาพิพากษารวมกันไปได้ กรณีดังกล่าวจึงไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ (๓) ดังนั้น ศาลย่อมนับโทษคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๓๗๒/๒๕๓๖ ของ ศาลชั้นต้นได้ฎีกาจำเลยที่ ๑ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน