คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1244/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

สามีจำเลยมอบที่ดินพิพาทให้บิดาโจทก์ทำกินแทนดอกเบี้ยเงินยืม บิดาโจทก์จึงครอบครองที่ดินพิพาทโดย อาศัยสิทธิของสามีจำเลย เมื่อบิดาโจทก์ถึงแก่กรรม แม้โจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทต่อมาก็โดย อาศัยสิทธิของบิดาโจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิดี ไปกว่าบิดาโจทก์ ที่ดินพิพาทจึงยังคงเป็นของสามีจำเลยอยู่ เมื่อสามีจำเลยถึงแก่กรรมที่ดิน พิพาทจึงตกเป็นของจำเลยผู้เป็นภริยา.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อประมาณเดือนเมษายน 2502 จำเลยและนายละอองได้ขายที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญ 1 แปลง เนื้อที่ 28 ไร่เศษ แก่นายกิ่ง กลอยเดช บิดาโจทก์เป็นเงิน 2,700 บาท จำเลยและนายละอองได้รับเงินค่าซื้อที่ดินในวันซื้อขายแล้วได้ส่งมอบที่ดินให้แก่นายกิ่งครอบครอง ต่อมานายกิ่งได้ยกที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ โจทก์เข้าครอบครองทำประโยชน์โดยสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของสืบต่อมาเป็นเวลาประมาณ 25 ปี โจทก์ติดต่อขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอเมืองสุโขทัยปรากฏว่านายละอองได้ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทับที่ดินโจทก์ทั้งแปลงตาม น.ส.3 สารบบเลขที่ 178 ขอให้ศาลพิพากษาห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องและทำลายหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) สารบบเลขที่ 178 หมู่ที่ 1ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย เนื้อที่ 28ไร่เศษ ซึ่งออกทับที่ดินโจทก์เสีย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยเป็นภริยาของนายละอองทองอินทร์ นายละอองเป็นเจ้าของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) สารบบเลขที่ 178 เนื้อที่ 51 ไร่ 2 งาน 82 ตารางวาจำเลยและนายละอองไม่ได้ขายที่ดินจำนวน 28 ไร่เศษ แก่นายกิ่งกลอยเดช บิดาโจทก์ ความจริงเมื่อปี 2508นายละอองเป็นหนี้การพนันนายกิ่งจำนวน 2,700 บาท นายละอองไม่มีเงินชำระ นายกิ่งขอคิดดอกเบี้ยนายละอองไม่มีให้ นายกิ่งจึงขอเข้าทำกินในที่ดินพิพาทแทนดอกเบี้ยโจทก์ทำกินในที่ดินพิพาทในฐานะเป็นบริวารของนายกิ่งบิดาโจทก์มิใช่เข้าแย่งการครอบครองจากจำเลย เมื่อโจทก์ผิดนัดไม่ยอมออกไปจากที่ดินพิพาท ทำให้จำเลยเสียหาย ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้องกับขับไล่โจทก์และบริวารออกไปจากที่ดินพิพาทตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องของโจทก์ ห้ามเข้าเกี่ยวข้องและให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยที่ไม่สามารถเข้าทำนาในที่ดินพิพาทได้ คิดเป็นเงิน 8,400 บาทต่อปี นับแต่ฤดูทำนาปี 2527 จนกว่าโจทก์และบริวารจะออกไปจากที่ดินพิพาท
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยและนายละอองขายที่ดินพิพาทให้แก่นายกิ่งบิดาโจทก์ นายกิ่งมิได้ครอบครองที่ดินพิพาทเป็นการทำกินแทนดอกเบี้ยที่นายละอองเป็นหนี้การพนันนายกิ่ง โจทก์ครอบครองทำกินในที่ดินพิพาทที่นายกิ่งยกให้อย่างเป็นเจ้าของตลอดมา จำเลยเสียหายไม่เกินปีละ 3,000 บาท ฟ้องแย้งของจำเลยขาดอายุความเพราะฟ้องเกิน 10 ปี นับแต่วันที่จำเลยและนายละอองขาย และยกสิทธิในที่ดินพิพาทให้แก่นายกิ่ง ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยได้นำเงินจำนวน2,700 บาท มาวางต่อศาลเพื่อชำระหนี้เงินยืม และโจทก์ได้ตกลงวางเงินจำนวนปีละ 8,400 บาท เป็นค่าเสียหายระหว่างคดีที่โจทก์เป็นฝ่ายครอบครองทำนาในที่ดินพิพาท
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า ที่ดินพิพาทภายในเส้นสีแดงในแผนที่กลางทิศเหนือกว้าง 53.45 เมตร ทิศใต้กว้าง 51.75 เมตรทิศตะวันออกยาว 836.95 เมตร ทิศตะวันตกยาว 836.95 เมตร เป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าไปเกี่ยวข้องให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) สารบบเลขที่ 178 หมู่ที่ 1 ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย เฉพาะที่ดินทางด้านทิศตะวันออก ออกเสีย โดยให้มีอาณาเขตความกว้างยาวเท่ากับที่ดินพิพาท ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ กับขับไล่โจทก์ออกจากที่ดินพิพาทตามแผนที่สังเขปที่ดินพิพาทกลางซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์สารบบเลขที่ 178 หมู่ที่ 1ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ของจำเลย ห้ามโจทก์และบริวารเข้าเกี่ยวข้องอีก และให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยปีละ 8,400 บาท นับแต่ฤดูทำนาของปี 2527 จนกว่าโจทก์และบริวารจะออกไปจากที่ดินพิพาท
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ปัญหามีว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือจำเลย ที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยและนายละอองสามีจำเลยได้ขายที่ดินพิพาทให้แก่นายกิ่งบิดาโจทก์ ตั้งแต่ 2502ขณะที่ดินพิพาทยังเป็นป่ามิได้ถากถางเป็นที่นา นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าหากเป็นความจริงก็น่าจะมีหลักฐานการซื้อขายและการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ที่ดินพิพาทของนายกิ่งมาแสดง แต่ก็หามีไม่ ทั้งนายกิ่งไม่เคยขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินพิพาทแต่อย่างใดทั้ง ๆ ที่ที่ดินบริเวณใกล้เคียงที่ดินพิพาทเจ้าของที่ดินได้ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้ว เช่นที่ดินของนายอาจ ทองอินทร์นายลอน พุกเกลี้ยง นายล้อม อินทร์เปี่ยม นายยง จำรุ่งสาย และนายอุ้ม บุญเลิศ นายละอองขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินรวมทั้งที่ดินพิพาทซึ่งทางราชการได้ออกให้ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เอกสารหมาย ล.1 ตั้งแต่ปี 2504 นายกิ่งซึ่งมีบ้านอยู่ติดกับบริเวณที่ดินพิพาทก็หาได้คัดค้านแต่อย่างใดไม่ ทั้งโจทก์ก็เบิกความยอมรับว่า ใบนำสำรวจที่ดินเพื่อเสียภาษีบำรุงท้องที่และใบเสร็จรับเงินภาษีบำรุงท้องที่เอกสารหมาย จ.1, จ.2, จ.3, จ.4ไม่ใช่หลักฐานการเสียภาษีบำรุงท้องที่ที่ดินพิพาทของนายกิ่ง แต่เป็นหลักฐานการเสียภาษีบำรุงท้องที่ที่ดินอีกแปลงหนึ่ง ซึ่งโจทก์ซื้อมาจากนายกิ่งผู้เป็นบิดา ยิ่งกว่านี้ยังได้ความจากคำเบิกความของนายไสว ตุดกัน พยานจำเลยเจ้าของที่ดินซึ่งอยู่ติดที่ดินพิพาททางทิศใต้อายุ 63 ปี ขณะเบิกความว่า นายไสวได้ไปชี้แนวเขตที่ดินของตนซึ่งอยู่ติดกับที่ดินพิพาทขณะนายละอองขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินพิพาท เมื่อปี 2504 ขณะนั้นนายกิ่งบิดาโจทก์ยังไม่ได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาท และนายพลู ทับแจ้ง เจ้าของที่ดินใกล้เคียงที่ดินพิพาท พยานจำเลยอายุ 64 ปี ขณะเบิกความเบิกความว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่นาเตียนแล้วขณะเป็นของนายเนยบิดาของนายละออง นายกิ่งบิดาโจทก์เพิ่งเข้าครอบครองที่ดินพิพาทเมื่อประมาณ 19 ปีมานี้(ปี 2509) ดังนั้นที่โจทก์นำสืบว่า นายกิ่งบิดาโจทก์ซื้อที่ดินพิพาทจากนายละอองสามีจำเลยเมื่อปี 2502 ขณะที่ที่ดินพิพาทยังเป็นป่าอยู่จึงรับฟังไม่ได้ ข้อเท็จจริงน่าเชื่อดังที่จำเลยนำสืบว่า นายละอองสามีจำเลยมอบที่ดินพิพาทให้นายกิ่งบิดาโจทก์ทำกินแทนดอกเบี้ยเงินยืมที่นายละอองยืมเงินนายกิ่งไปเล่นการพนัน นายกิ่งครอบครองที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของนายละออง เมื่อนายกิ่งถึงแก่กรรมโจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทต่อมาก็โดยอาศัยสิทธิของนายกิ่ง โจทก์จึงไม่มีสิทธิดีไปกว่านายกิ่ง ที่ดินพิพาทยังเป็นของนายละอองอยู่เมื่อนายละอองถึงแก่กรรม ที่ดินพิพาทจึงตกเป็นของจำเลยผู้เป็นภริยาโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลย จำเลยได้นำเงินจำนวน 2,700 บาทที่นายละอองยืมไปจากนายกิ่งไปขอชำระหนี้ให้แก่โจทก์ แต่โจทก์ไม่ยอมรับชำระ กลับมาฟ้องจำเลยอันเป็นการโต้แย้งสิทธิจำเลยจำเลยย่อมมีสิทธิฟ้องแย้งขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ได้ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ว่าคดีของจำเลยขาดอายุความ แต่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยในปัญหาข้อนี้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าโจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทสืบต่อจากนายกิ่งโดยอาศัยสิทธิของนายละอองและจำเลยแล้ว ดังนั้น แม้โจทก์กับนายกิ่งจะครอบครองมานานเพียงใดก็ย่อมไม่ได้สิทธิครอบครอง ที่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยปัญหาข้อนี้มานั้นชอบแล้ว…”
พิพากษายืน.

Share