แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยขู่ให้เจ้าทรัพย์สัญญาส่งทรัพย์ให้แก่ตน แล้วรุ่งขึ้นจำเลยมาขอรับเงินเจ้าทรัพย์เจ้าทรัพย์บอกว่าไม่มี จำเลยกล่าวว่า ไม่ให้ก็ไม่เอาระวังจะฟันหัว ตีให้ตาย แล้วจำเลยก็ออกจากห้องเจ้าทรัพย์ไปเอง ดังนี้การกระทำครั้งหลังนี้ยังไม่เป็นผิดฐานพยายามชิงทรัพย์หรือฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพ
ย่อยาว
ได้ความว่าวันแรกจำเลยกับพวกมาขู่เอาทรัพย์จากเจ้าทรัพย์  รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งจำเลยมาอีก  มาพูดว่าเมื่อวานมาเอาสตางค์ไม่มีให้จะมาเอาวันนี้ เจ้าทรัพย์ว่ามีเหลืออยู่ ๓๐ สตางค์จะเอาไหม  จำเลยตอบว่าไม่เอาจะเอา ๒ บาท  เจ้าทรัพย์บอกว่าไม่มีจำเลยก็พูดว่า  ไม่ให้ก็ไม่เอา ระวังจะฟันหัวตีให้ตาย  แล้วจำเลยก็ไปจากห้องเจ้าทรัพย์  เจ้าทรัพย์จึงไปแจ้งความที่โรงพักแล้วกลับมาเกือบถึงหน้าห้อง  เห็นจำเลยตามหลังมา  จำเลยไม่ได้พูดหรือทำกริยาอย่างไร  พอดีตำรวจเดินมาเจ้าทรัพย์ก็เรียกให้ตำรวจจับจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย  ๒ กะทงกะทงแรกฐานกรรโชกตาม ม.๓๐๓  กะทงหลัง(คือการมาเรียกเอาเงินครั้งหลัง)ฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพตาม  ม.๒๖๘
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการมาเรียกเอาเงินครั้งหลังนี้การกระทำเป็นผิดถึงพยายามชิงทรัพย์  จึงพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยสำหรับการกระทำครั้งหลังซึ่งศาลชั้นต้นลงมาตาม  ม.๒๖๘  นั้นเป็นลงโทษตาม ม.๒๙๙,๖๐
ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยครั้งหลังนี้ยังไม่พอฟังว่าจำเลยทำผิดฐานพยายามชิงทรัพย์  เมื่อจำเลยพูดขอเงินเจ้าทุกข์ ๒ บาท   เจ้าทุกข์ว่าไม่มี  จำเลยว่าไม่ให้ก็ไม่เอาแล้วจำเลยก็ออกไปจากห้องเจ้าทรัพย์  เป็นการยับยั้งใจของจำเลยด้วยตนเอง  หาใช่มีเหตุพ้นวิสัยมาขัดขวาง  ที่จำเลยว่า  ไม่ให้ก็ไม่เอา  ระวังจะฟันหัวตีให้ตายนั้น  ก็เป็นแต่คำแสดงความอาฆาตมาทร้าย หาใช่บังคับขืนใจให้เจ้าทรัพย์ทำการอย่างใดไม่อันจะเป็นผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพเจ้าทุกข์กลับจากแจ้งความเห็นจำเลยเดินมาก็บอกให้ตำรวจจับทันทีโดยจำเลยไม่ได้พูดหรือแสดงกริยาขู่เข็ญในตอนนี้  จึงพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์ในกะทงโทษการกระทำของจำเลยครั้งหลังนี้เสีย  นอกจากนั้นยืนตาม
