คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1236/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่สามีไปก่อหนี้ขึ้นระหว่างอยู่กินเป็นสามีภรรยาและภรรยาจะต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกแค่ไหนเพียงใดนั้น ไม่ใช่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัวตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 มาตรา 4 แต่เป็นปัญหาที่ภรรยาจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกร่วมกับสามีต่างหาก จะเทียบกับเรื่องแบ่งสินสมรสก็ไม่ได้ เพราะนั่นเป็นเรื่องภายใน ไม่ได้เกี่ยวข้องถึงความรับผิดต่อบุคคลภายนอก
เป็นสามีภรรยากันตามกฎหมายเก่าสามีไปก่อหนี้ขึ้นเมื่อใช้บรรพ 5 แล้วการที่ภรรยาจะต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเพียงใดนั้น ต้องวินิจฉัยไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่ใช่ตามกฎหมายเก่า
หนี้ซึ่งก่อขึ้นระหว่างสมรสจะถือว่าเป็นหนี้ร่วมกันระหว่างสามีภรรยาได้ก็ต้องเป็นกรณีตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1482 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ตกลงให้บริษัทเหมืองแร่ทองผาภูมิ จำกัดยืมเงินล่วงหน้าไป การซื้อขายแร่จากโจทก์ไปเป็นคราว ๆ และจะนำแร่มาขายชดใช้หนี้โจทก์โดยมีนายชั้น ศิริสุข เป็นผู้ค้ำประกันในในวงเงินไม่เกิน 150,000 บาท ทั้งยินยอมเป็นลูกหนี้ร่วมด้วยต่อมาปรากฏว่าบริษัทเหมืองแร่ทองผาภูมิ จำกัด ยืมเงินล่วงหน้าไปแล้วนำแร่มาขายหักบัญชีกันยังเป็นหนี้โจทก์อยู่ 280,732.42 บาท นายชั้น ศิริสุข ผู้ค้ำประกันถึงแก่กรรม จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยซึ่งเป็นภรรยานายชั้นใช้เงิน 150,000 บาทในฐานะส่วนตัว ในฐานะผู้รับมรดก และผู้จัดการมรดกของนายชั้น

จำเลยให้การว่าเป็นภรรยานายชั้นก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 และต่อสู้ว่า นายชั้นไม่ต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันการที่นายชั้นค้ำประกันต่อโจทก์ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ร่วมกันกับจำเลย หนี้รายพิพาทไม่ผูกพันสินบริคณห์ และว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความสองปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 ขอให้ยกฟ้อง

ปัญหาว่า จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ในฐานะใดนั้น ศาลชั้นต้นเห็นว่า หนี้ที่นายชั้นก่อขึ้นไม่ใช่หนี้ร่วมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1482 และจำเลยมิได้เป็นผู้จัดการมรดกนายชั้นจึงไม่ต้องรับผิดในฐานะส่วนตัวและในฐานะผู้จัดการมรดก แต่จำเลยเป็นภรรยานายชั้น จึงเป็นผู้รับมรดกนายชั้น จำเลยต้องรับผิดในฐานะทายาทเพียงไม่เกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดได้แก่ตนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1601 สำหรับอายุความนั้นเห็นว่ากรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 165 คดีจึงไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้จำเลยใช้เงินตามฟ้อง แต่จำเลยต้องรับผิดไม่เกินกองมรดกของนายชั้นที่จำเลยได้รับมา

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า 1. โจทก์ฎีกาว่า พระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติบรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. 2477 มาตรา 4บัญญัติว่า “บทบัญญัติแห่งบรรพนี้ไม่กระทบกระเทือนถึง (1) การสมรสซึ่งได้มีอยู่ก่อนวันใช้ประมวลกฎหมายบรรพนี้ และทั้งสัมพันธ์ในครอบครัวอันเกิดแก่การสมรสนั้น ๆ …” ศาลฎีกาเห็นว่าการที่นายชั้นสามีจำเลยไปก่อหนี้ขึ้นระหว่างที่อยู่กินกัน จำเลยจะต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกแค่ไหนเพียงใดนั้น หาใช่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัวระหว่างจำเลยกับนายชั้นไม่ที่โจทก์ฎีกาว่าเทียบได้กับเรื่องการแบ่งสินสมรสนั้น ศาลนี้เห็นว่าเทียบกันไม่ได้ เพราะการแบ่งสินสมรสเป็นเรื่องระหว่างสามีภรรยาอันเป็นการภายในหาได้เกี่ยวข้องถึงความรับผิดต่อบุคคลภายนอกไม่และการที่นายชั้นไปก่อหนี้ภายหลังใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้ว จำเลยซึ่งแม้จะเป็นภรรยานายชั้นตามกฎหมายเก่าโดยผลแห่งมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติบรรพ 5ย่อมถือว่าจำเลยคงเป็นภรรยานายชั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 5 ด้วย ฉะนั้น การที่จำเลยจะต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกแค่ไหนเพียงใด จึงต้องวินิจฉัยไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่ใช่วินิจฉัยตามกฎหมายเก่า

2. โจทก์ฎีกาว่า หนี้สินรายพิพาทเป็นหนี้ร่วมซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดร่วมด้วย ศาลฎีกาเห็นว่า หนี้ซึ่งก่อขึ้นระหว่างสมรสจะถือว่าเป็นหนี้ร่วมกันระหว่างสามีภรรยาได้ ก็ต้องเป็นกรณีตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1482 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ศาลฎีกาเห็นว่า หนี้ที่นายชั้นไปก่อขึ้น ในฐานะเป็นผู้ค้ำประกันบริษัทเหมืองแร่ทองผาภูมิ จำกัด นั้น หาใช่หนี้ค่าอุปการะเลี้ยงดูรักษาพยาบาลครอบครัวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1482(1) ไม่ และก็ไม่ใช่หนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการงานที่สามีภรรยาทำด้วยกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1482(3) ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันว่า จำเลยผู้เป็นภรรยานายชั้น ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นส่วนตัวนั้นชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share