แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ดินมือเปล่าซึ่งมีสภาพเป็นที่สวนนั้น แม้ผู้ที่บุกรุกเข้ามาแย่งการครอบครองอยู่ 5 ปี ผู้เป็นเจ้าของก็มีสิทธิฟ้องขับไล่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทของโจทก์และเรียกค่าเสียหาย จำเลยต่อสู้ว่าที่ดินเป็นของจำเลย ศาลชั้นต้นเชื่อพะยานโจทก์ว่าที่ดินนี้มีผู้ครอบครองแทนโจทก์จริง จึงพิพากษาห้ามจำเลยมีให้มาเกี่ยวข้องกับที่พิพาทต่อไป
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าที่พิพาทเป็นที่มือเปล่า จำเลยครอบครองมาเกิน ๑ ปีแล้วโจทก์หมดกรรมสิทธิฟ้องร้องเรียกคืนตามประมวลแพ่งฯ ม.๑๓๗๕ พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาฟังว่าที่พิพาทนี้เป็นของบิดาโจทก์และต่อมาเป็นของโจทก์โดยมีผู้ครอบครองแทนโจทก์ไว้ และฟังว่าที่พิพาทมีบ่อน้ำและต้นผลไม้จึงต้องถือว่าเป็นที่สวน หาใช่ที่ป่าดังศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่ เมื่อเป็นที่สวนแม้จำเลยจะเข้ามาครอบครองเป็นเวลา ๕ ปีแล้วก็ตาม โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้จึงพิพากษากลับศาลอุทธรณ์บังคับคดียืนตามศาลชั้นต้น