คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1232/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกอีก 1 คนเข้าไปนอนเล่นในบ้านผู้เสียหายซึ่งเป็น พี่เขยของจำเลยอยู่ก่อน แล้วจำเลยจึงขึ้นไปบนบ้านหยิบเอาวิทยุเทปของผู้เสียหายไป ป. บุตรชายของผู้เสียหายห้าม จำเลยกลับชักอาวุธปืนออกมาเป็นทำนองขู่บังคับมิให้ขัดขวาง พฤติการณ์ที่จำเลยเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยใช้อาวุธปืนขู่บังคับนั้นหาใช่การถือวิสาสะไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีกคนหนึ่งร่วมกันลักเอาวิทยุเทป ๑ เครื่องกับสร้อยคำทองคำ ๑ เส้นของนายพันผู้เสียหายซึ่งอยู่ในความครอบครองของเด็กชายประทวนไป โดยจำเลยได้ใช้อาวุธปืนขู่เข็ญเด็กชายประทวนว่าในทันใดนั้นจะยิง เพื่อเป็นความสะดวกในการลักทรัพย์ การพาเอาทรัพย์ดังกล่าวไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙, ๓๔๐ ตรี ๘๓ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๑๕ให้จำเลยคืนของกลางแก่เจ้าของและคืนสร้อยคอหรือใช้ราคาแก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๙ วรรคสาม ประกอบด้วยมาตรา ๓๔๐ ตรี ให้จำคุก ๑๕ ปี วิทยุเทปของกลางผู้เสียหายได้รับคืนไปแล้ว ส่วนสร้อยคำทองคำจำเลยมิได้เอาไป คำขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ให้ยก
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยกับชายอีก ๑ คนเข้ามานอนเล่นอยู่ในบ้านผู้เสียหายซึ่งเป็นพี่เขยของจำเลยก่อน แล้วจำเลยจึงขึ้นไปบนบ้านหยิบเอาวิทยุเทปของผู้เสียหายไป เด็กชายประทวนบุตรของผู้เสียหายห้าม จำเลยกลับชักอาวุธปืนออกมาเป็นทำนองขู่เข็ญบังคับมิให้ขัดขวาง พฤติการณ์ที่จำเลยเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยใช้อาวุธปืนขู่บังคับนั้นหาใช่การถือวิสาสะไม่
พิพากษายืน

Share