คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1216/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยที่ 1 ส่งมอบลิฟต์ให้แก่โจทก์ตามสัญญาและโจทก์ได้รับเงินจากมหาวิทยาลัยผู้ว่าจ้างก่อสร้างอาคารในงานส่วนติดตั้งลิฟต์แล้วแต่ไม่ยอมจ่ายเงินให้จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงร้องเรียนต่อมหาวิทยาลัยผู้ว่าจ้าง มหาวิทยาลัยจึงเรียกโจทก์และจำเลยที่ 1ไปไกล่เกลี่ยนั้น การที่จำเลยที่ 1 ร้องเรียนต่อมหาวิทยาลัยเป็นสิทธิของจำเลยที่ 1 ที่จะกระทำได้โดยชอบธรรม ไม่เป็นการกลั่นแกล้งโจทก์จึงไม่เป็นละเมิด จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า โจทก์ไม่ได้สงวนสิทธิที่จะเรียกเบี้ยปรับจากจำเลยที่ 1 สิทธิตามสัญญาจึงเป็นอันระงับสิ้นไปนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ได้ให้การต่อสู้คดีไว้จึงไม่มีประเด็นวินิจฉัยประเด็นดังกล่าวไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตาราง 1 ท้าย ป.วิ.พ.ไม่ได้บัญญัติว่า คดีหนึ่งเสียค่าขึ้นศาลไม่เกิน 200,000 บาท ฉะนั้นในการพิจารณาว่าคดีใดจะต้องเสียค่าขึ้นศาลเท่าใดจึงต้องพิจารณาคำฟ้องเป็นเกณฑ์ ซึ่งป.วิ.พ. มาตรา 1(3) บัญญัติว่า คำฟ้องหมายความว่ากระบวนพิจารณาใด ๆที่โจทก์ได้เสนอข้อหาต่อศาล การเรียกค่าขึ้นศาลจึงต้องดูว่าคำฟ้องที่เสนอต่อศาลมีกี่ข้อหา แต่ละข้อหาเกี่ยวข้องกันหรือแยกกันเมื่อโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานผิดสัญญาข้อหาหนึ่งและฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดอีกข้อหาหนึ่ง คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นการเสนอข้อหาสองข้อหาและแยกจากกันได้ จึงต้องเสียค่าขึ้นศาลทั้งสองข้อหา.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทำสัญญาซื้อลิฟต์ชนิดและขนาดต่าง ๆรวม 23 เครื่องและจ้างจำเลยที่ 1 ติดตั้งลิฟต์ดังกล่าวที่อาคารโรงพยาบาลคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งโจทก์เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง โจทก์ได้จ่ายเงินล่วงหน้า ส่วนที่เหลือจ่ายเป็นงวดตามเงื่อนไขและเงื่อนเวลาของการส่งมอบเครื่องลิฟต์และอุปกรณ์กับงานที่ทำแล้วเสร็จ หากจำเลยที่ 1 ไม่อาจส่งมอบหรือทำงานให้เสร็จตามกำหนด จำเลยที่ 1 ยินยอมให้ปรับเป็นรายวันเมื่อครบกำหนดส่งมอบลิฟต์และอุปกรณ์ตามสัญญาดังกล่าว จำเลยที่ 1ผิดนัดไม่อาจส่งมอบอุปกรณ์ลิฟต์ให้ครบถ้วนตามสัญญาและติดตั้งลิฟต์ของงานส่วนที่ 1 ให้แล้วเสร็จตามกำหนด เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ไม่อาจส่งมอบอาคารโรงพยาบาลส่วนที่ 1 (งานส่วน 100เตียงแรก) ให้แก่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้ จำเลยทั้งสองต้องจ่ายค่าปรับเป็นรายวันให้แก่โจทก์ตามสัญญาจำเลยทั้งสองได้หาเหตุร้องเรียนต่อมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และทบวงมหาวิทยาลัยว่าโจทก์ไม่จ่ายเงินค่าลิฟต์และค่าติดตั้งให้แก่จำเลยที่ 1 โจทก์ได้ชี้แจงและพยายามประนีประนอมกับจำเลยทั้งสอง โดยให้จำเลยทั้งสองทำหนังสือขอยกเลิกเรื่องดอกเบี้ยที่จะคิดจากโจทก์กับขอความช่วยเหลือในการขอเบิกเงินงวดที่ 1 จากโจทก์ก่อน เมื่อจำเลยทั้งสองนำอุปกรณ์ลิฟต์ที่เหลือทั้งหมดส่งมอบแก่โจทก์และติดตั้งลิฟต์ของงานส่วนที่ 1 เสร็จและทำงานได้ โจทก์จะจ่ายเงินงวดที่ 2แก่จำเลยที่ 1 จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตาม โจทก์จึงไม่จ่ายเงินแก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้หยุดงานและทิ้งงานทั้งหมด นอกจากนี้จำเลยทั้งสองได้สมคบกับบริษัทยิบอินซอยจำกัด และบุคคลผู้มีชื่อหน่วงเหนี่ยวการทำงานของโจทก์ให้ล่าช้าและกลั่นแกล้งโจทก์ให้หยุดงานก่อสร้างทั้งหมด และไม่อาจดำเนินกิจการต่อไปได้เพื่อให้บริษัทยิบอินซอย จำกัด และจำเลยทั้งสองได้เข้าทำสัญญารับเหมาก่อสร้างแทน กับกำหนดราคาก่อสร้างต่าง ๆ ใหม่ในราคาที่เพิ่มสูงขึ้นโดยจำเลยที่ 2 ได้เบิกความเท็จในชั้นไต่สวนคำร้องขอให้ใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาโดยฉุกเฉินในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 11427/2523 ของศาลชั้นต้นระหว่างบริษัทยิบอินซอย จำกัดโจทก์ กับ บริษัทปัญญามิตร จำกัด จำเลยเป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นเชื่อและมีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินของโจทก์ บริษัทยิบอินซอยจำกัด ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดและอายัดทรัพย์สินของโจทก์เกือบทั้งหมด และจำเลยที่ 1 ยังได้ฟ้องโจทก์ต่อศาลชั้นต้นตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 13764/2523 เรื่องซื้อขายลิฟต์โดยให้โจทก์ชำระราคาค่าลิฟต์หรือส่งมอบลิฟต์คืน โจทก์ได้ร้องขอให้ศาลยกเลิกหรือเพิกถอนคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์ในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 11427/2523ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกเลิกหรือเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว จำเลยทั้งสองจึงได้ร้องขอต่อศาลชั้นต้นในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 13764/2523ขอให้ศาลชั้นต้นใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษายึดและอายัดทรัพย์ของโจทก์อีก โดยจำเลยที่ 1 อ้างแสดงพยานหลักฐานเท็จและจำเลยที่ 2เบิกความอันเป็นเท็จต่อศาล เป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินของโจทก์ไว้อีก โจทก์ได้ร้องขอให้ปล่อยทรัพย์คดีอยู่ในระหว่างพิจารณา การกระทำของจำเลยทั้งสองดังกล่าวทำให้โจทก์ไม่อาจดำเนินกิจการของโจทก์ได้ ต้องหยุดการก่อสร้างเป็นเหตุให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์บอกเลิกสัญญาจ้างกับโจทก์และผู้ว่าจ้างโจทก์อื่นอีกหลายรายต้องเลิกสัญญาจ้างกับโจทก์ด้วยโจทก์ได้รับความเสียหาย คือต้องเสียเงินที่ลงทุนไปในงานก่อสร้างต่าง ๆ ขาดกำไร เครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องใช้และวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างกับทรัพย์สินอื่น ๆ ของโจทก์ซึ่งอยู่ในบริเวณก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลคณะแพทย์ศาสตร์ต้องถูกมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ผู้ว่าจ้างยึดไว้เป็นกรรมสิทธิ์ตามสัญญา กิจการรับเหมาก่อสร้างอันเป็นปกติการค้าของโจทก์ต้องหยุดชะงัก ไม่อาจดำเนินกิจการได้โจทก์ได้รับความเสียหายด้านชื่อเสียงและความเชื่อถือในทางการค้าทรัพย์สินต่าง ๆ ของโจทก์ที่ยึดอายัดไว้ได้รับความเสียหายเสื่อมสภาพเงินค่าจ้างของโจทก์ที่จะได้รับจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ถูกจำเลยทั้งสองอายัดไว้ เครื่องมือ เครื่องใช้ในการก่อสร้างของโจทก์ที่จำเลยทั้งสองยึดไว้ ทำให้โจทก์ต้องขาดประโยชน์จากการใช้งานขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์จำนวน636,278,755.99 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 592,000,372 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าขาดประโยชน์จากการใช้งานเครื่องจักรเครื่องมือ เครื่องใช้ในการก่อสร้างในอัตราค่าเช่าวันละ 40,800 บาทนับจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสองจะส่งมอบคืนแก่โจทก์ ให้จำเลยทั้งสองชำระเงินค่าเช่ารถอื่นแทนรถยนต์ของโจทก์ที่จำเลยทั้งสองยึดไว้ในอัตราค่าเช่าวันละ 800 บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสองจะส่งมอบรถยนต์คืนแก่โจทก์ ให้จำเลยทั้งสองชำระเงินเดือนละ 1,000,000 บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสองจะส่งมอบทรัพย์สินทั้งหมดของโจทก์คืนแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า ตามสัญญาซื้อขายลิฟต์ไม่ใช่กำหนดระยะเวลาการส่งมอบลิฟต์พร้อมอุปกรณ์ตามที่โจทก์อ้าง หากแต่เป็นงวดกำหนดชำระเงินตามสัญญาเพราะข้อกำหนดดังกล่าวเป็นงานงวดลิฟต์ตามสัญญาระหว่างโจทก์กับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์จำเลยจึงไม่มีหน้าที่ส่งมอบลิฟต์แก่โจทก์ก่อนที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์จะเรียกให้โจทก์ส่งมอบงาน จำเลยได้ส่งมอบลิฟต์และอุปกรณ์ให้แก่โจทก์ครบถ้วนถูกต้องตามสัญญาแล้ว และโจทก์ก็ได้ส่งมอบลิฟต์และอุปกรณ์ทั้งหมดให้แก่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และรับเงินค่าลิฟต์ไปแล้ว จำเลยจึงไม่ผิดสัญญา สำหรับงานส่วนที่ 1โจทก์มีหน้าที่ส่งมอบงานรวมทั้งลิฟต์ที่ใช้ให้แก่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และกำหนดให้จำเลยทำการติดตั้งให้แล้วเสร็จด้วยแต่โจทก์ไม่ทำการก่อสร้างช่องลิฟต์รวมทั้งห้องเครื่องให้อยู่ในสภาพเสร็จเรียบร้อยถูกต้องตามแบบ ไม่จัดหาไฟฟ้าสำหรับติดตั้งและลองเครื่องให้แก่จำเลย จำเลยจึงไม่อาจเข้าทำการติดตั้งได้ทันกำหนดจำเลยจึงไม่ผิดสัญญา และในงานดังกล่าวจำเลยได้นำส่งมอบลิฟต์และอุปกรณ์แก่โจทก์ พร้อมทั้งติดตั้งลิฟต์ให้เสร็จเรียบร้อย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้ตรวจรับมอบงานและชำระเงินแก่โจทก์แล้ว แต่โจทก์ไม่ชำระเงินแก่จำเลย จำเลยจึงได้บอกกล่าวให้โจทก์ชำระเงินโจทก์เพิกเฉย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้จัดให้มีการประชุม โจทก์ตกลงในที่ประชุมว่าจะชำระเงินค่าติดตั้งลิฟต์ตามสัญญาแก่จำเลย แต่โจทก์ไม่ชำระจำเลยที่ 1 จึงฟ้องโจทก์ตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 13764/2523 ของศาลชั้นต้น และแม้โจทก์จะผิดสัญญาไม่ชำระเงินแก่จำเลย จำเลยก็ยังคงเร่งรีบทำงานในส่วนที่เหลือตลอดไปไม่เคยละทิ้งงาน ประวิงงานหรือขัดขวางการทำงานของโจทก์ให้ชักช้าหรือหาเหตุกลั่นแกล้งโจทก์ให้หยุดงานก่อสร้างทั้งหมด โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญากับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ไม่อาจส่งมอบงานโครงการที่ 1 ทั้งโจทก์ยังเป็นหนี้ผู้รับเหมาช่วงหลายรายและขาดทุนทรัพย์ที่จะทำการก่อสร้างได้งดชำระหนี้แก่ผู้รับเหมาช่วงในที่สุดถูกบริษัทยิบอินซอย จำกัด ฟ้องปรากฏตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 11427/2523 ของศาลชั้นต้น หาใช่เกิดจากการกระทำของจำเลยทั้งสองไม่ การที่จำเลยทั้งสองร้องเรียนต่อมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และทบวงมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับเงินค่าจ้างติดตั้งลิฟต์ซึ่งโจทก์ไม่ชำระก็เป็นสิทธิอันชอบธรรมของจำเลยไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ จำเลยทั้งสองไม่ได้ร่วมกันกับบริษัทยิบอินซอย จำกัด หรือบุคคลอื่น หน่วงเหนี่ยวการทำงานของโจทก์ให้ล่าช้าหาเหตุให้โจทก์ต้องหยุดงานก่อสร้างทั้งหมดเพื่อตนเองหรือผู้อื่นจะได้เข้าทำสัญญารับเหมาก่อสร้างกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์โจทก์ผิดสัญญากับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ไม่สามารถทำการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามสัญญาได้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์จึงฟ้องโจทก์ตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 4187/2525 ของศาลชั้นต้น จำเลยทั้งสองไม่ได้ร่วมกันกับบุคคลอื่นหรือบริษัทยิบอินซอย จำกัด โดยให้จำเลยที่ 2 เข้าเบิกความเท็จในการพิจารณาชั้นไต่สวนคำร้องขอให้ใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 11427/2523ของศาลชั้นต้นจนเป็นเหตุให้โจทก์ถูกยึดทรัพย์ไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษา การที่ศาลมีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์ของโจทก์ไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาหาได้เกิดจากคำเบิกความของจำเลยที่ 2 ไม่ จำเลยทั้งสองจึงไม่ได้ทำละเมิดต่อโจทก์ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและขาดอายุความ ขอให้พิพากษายกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินแก่โจทก์ 3,845,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2524 จนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จำเลยที่ 1ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ชนะคดีโดยกำหนดค่าทนายความรวม 200,000 บาท สำหรับค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 1 ชำระต่อศาลในนามของโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ในปัญหาที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ฟ้องเรื่องผิดสัญญาและละเมิดในคดีเดียวกัน โจทก์ควรเสียค่าขึ้นศาลสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท นั้น เห็นว่า ตามตาราง 1 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เรื่องค่าขึ้นศาลไม่ได้บัญญัติว่าคดีหนึ่งเสียค่าขึ้นศาลไม่เกิน 200,000 บาท ดังนั้นในการพิจารณาว่าคดีใดจะต้องเสียค่าขึ้นศาลเท่าใด จำต้องพิจารณาคำฟ้องเป็นเกณฑ์ ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(3) บัญญัติว่าคำฟ้อง หมายความว่า กระบวนพิจารณาใด ๆ ที่โจทก์ได้เสนอข้อหาต่อศาล… ดังนี้ การเรียกค่าขึ้นศาลจึงต้องดูว่าคำฟ้องที่เสนอต่อศาลมีกี่ข้อหา แต่ละข้อหาเกี่ยวข้องกันหรือแยกจากกันคดีนี้ โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานผิดสัญญาข้อหาหนึ่งและฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดอีกข้อหาหนึ่ง คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นการเสนอข้อหาต่อศาล 2 ข้อหา และแยกออกจากกันได้ โจทก์จึงต้องเสียค่าขึ้นศาลทั้ง 2 ข้อหา ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาล 2 ข้อหาและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนมานั้นชอบแล้วฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น…
ในปัญหาที่ว่า โจทก์มีสิทธิปรับจำเลยที่ 1 ฐานผิดสัญญาและต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ในกรณีที่โจทก์ไม่อาจส่งมอบงานให้แก่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้ตามกำหนด อันเป็นเหตุให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ปรับโจทก์ตามสัญญาหรือไม่ เพียงใด นั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาไม่ส่งมอบลิฟต์และติดตั้งลิฟต์ให้แก่โจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิปรับจำเลยที่ 1 ได้ตามสัญญาซื้อขายลิฟต์ เอกสารหมาย จ.3 ข้อ 4.1 ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าโจทก์ไม่ได้สงวนสิทธิที่จะเรียกเบี้ยปรับจากจำเลยที่ 1 สิทธิตามสัญญาจึงเป็นอันระงับสิ้นไปนั้น เห็นว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้จึงไม่มีประเด็นที่ศาลล่างจะต้องวินิจฉัย และประเด็นดังกล่าวไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมานั้นชอบแล้ว ในปัญหาที่โจทก์ถูกมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ปรับ ข้อเท็จจริงก็ได้ความว่า โจทก์ส่งมอบงานอื่นนอกจากงานลิฟต์ให้แก่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ไม่ทันกำหนดตามสัญญาด้วยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์มีสิทธิปรับโจทก์อยู่แล้วแม้จำเลยที่ 1 จะส่งลิฟต์และติดตั้งลิฟต์ให้ทันกำหนด จำเลยที่ 1จึงไม่จำต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับการที่โจทก์ถูกมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ปรับ คงรับผิดเฉพาะเรื่องผิดสัญญาซื้อขายลิฟต์เท่านั้น ในปัญหาว่าเบี้ยปรับเป็นจำนวนเท่าใดนั้น ได้ความว่าจำเลยที่ 1ส่งมอบลิฟต์และติดตั้งลิฟต์เสร็จเรียบร้อยหลังจากพ้นกำหนดส่งมอบลิฟต์และติดตั้งลิฟต์ตามสัญญาซื้อขายลิฟต์เป็นเวลานานถึง2 ปีเศษ ที่ศาลอุทธรณ์กำหนดเบี้ยปรับเป็นเงินวันละ 5,000 บาท จึงต่ำไป เห็นสมควรกำหนดเบี้ยปรับเสียใหม่ให้เหมาะสมโดยกำหนดเบี้ยปรับให้แก่โจทก์เป็นเงินวันละ 8,000 บาท เป็นเวลา 769 วันรวมเป็นเงิน 6,152,000 บาท และที่จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาจำเลยที่ 2 ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ฎีกาโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน ส่วนฎีกาจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น
ในปัญหาที่โจทก์ฎีกาว่า การที่โจทก์ถูกยึดและอายัดทรัพย์ในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 13764/2523 ของศาลชั้นต้น เนื่องจากการเบิกความเท็จของจำเลยที่ 2 จำเลยทั้งสองร้องเรียนโจทก์ต่อมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เป็นการกลั่นแกล้งโจทก์ และจำเลยทั้งสองสมคบกับบริษัทยิบอินซอย จำกัด หน่วงเหนี่ยวการทำงานของโจทก์ทำให้โจทก์ทำงานไม่ทันตามกำหนดเวลาจนถูกมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์บอกเลิกสัญญา ทำให้โจทก์เสียหายเป็นการละเมิดต่อโจทก์ นั้นได้ความว่า ก่อนที่จำเลยที่ 1 ฟ้องโจทก์ตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 13764/2523 ของศาลชั้นต้นและจำเลยที่ 2 ได้เบิกความในชั้นไต่สวนขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา และศาลชั้นต้นมีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์โจทก์ จำเลยที่ 1 ได้ส่งมอบลิฟต์และติดตั้งลิฟต์ให้แก่โจทก์ตามสัญญาซื้อขายลิฟต์เรียบร้อยแล้ว โจทก์ได้รับเงินจากมหาวิทยาลัยในงานส่วนติดตั้งลิฟต์แล้ว แต่ไม่ยอมจ่ายเงินให้แก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้ร้องเรียนต่อมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้เรียกโจทก์และจำเลยที่ 1 ไปไกล่เกลี่ยในที่สุดโจทก์ตกลงจ่ายเงินค่าลิฟต์ให้แก่จำเลยที่ 1แต่ในที่สุดก็ไม่จ่าย เห็นว่าการที่จำเลยที่ 1 ร้องเรียนโจทก์ต่อมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสิทธิของจำเลยที่ 1 ที่จะกระทำได้โดยชอบธรรม หาเป็นการกลั่นแกล้งโจทก์ไม่ และที่จำเลยที่ 2เบิกความในชั้นไต่สวนขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 13764/2523 ของศาลชั้นต้น…นั้น จำเลยที่ 2ก็เบิกความไปตามที่จำเลยที่ 2 รู้เห็นและเข้าใจ เพราะในขณะที่จำเลยที่ 2 เบิกความนั้นโจทก์ได้ถูกบริษัทยิบอินซอย จำกัด ฟ้องและถูกยึดและอายัดทรัพย์สินอยู่แล้วคำเบิกความของจำเลยที่ 2จึงหาเป็นเท็จไม่…”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินแก่โจทก์ทั้งสิ้นจำนวน 6,152,000 บาท และให้จำเลยที่ 1 ให้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาแทนโจทก์เท่าที่โจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความ30,000 บาท สำหรับค่าขึ้นศาลฎีกาให้จำเลยที่ 1 ชำระต่อศาลในนามของโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีการะหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share