คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1215/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำเอกสารกู้ โดยจำเลยเซ็นชื่อยี่ห้อร้านค้าของจำเลยเป็นผู้กู้ ถือได้ว่าจำเลยลงลายมือชื่อโจทก์ใช้เอกสารนี้ฟ้องให้จำเลยใช้เงินกู้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของยี่ห้อเจิ้ยบเซ้ง จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของยี่ห้อเซ่งคัง เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2496 จำเลยที่ 1 ได้กู้เงินไปจากโจทก์ 3,000 บาท ไม่มีกำหนดเวลาใช้เงิน จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน ปรากฏตามสำเนาสัญญาและคำแปลท้ายคำฟ้องโจทก์ได้ทวงถามแล้ว จำเลยไม่ใช้ ดอกเบี้ยค้างชำระตั้งแต่วันที่กู้ถึงวันฟ้องเป็นเวลา 2 ปี 1 เดือน ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีเป็นเงิน 325 บาท จึงขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระต้นเงินกับดอกเบี้ย ดังกล่าว รวมเป็นเงิน 3,325 บาท พร้อมกับดอกเบี้ยในต้นเงิน 3,000 บาท ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์

จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์จะเป็นเจ้าของยี่ห้อเจิ้ยบเซ้งหรือไม่ ไม่ทราบ จำเลยไม่เคยรู้จักทั้งยี่ห้อเจี้ยบเซ้งและตัวโจทก์ จำเลยมิได้กู้เงินโจทก์ โจทก์แปลเอกสารท้ายคำฟ้องคลาดเคลื่อนเอกสารท้ายคำฟ้องมีข้อความแต่เพียงว่า ข้าพเจ้าได้รับเงินจากยี่ห้อเจี้ยบเซ้ง 3,000 บาท สัญญาจะใช้คืนเมื่อทวงถามโดยไม่ปฏิเสธโดยยี่ห้อเซ่งคังรับรองข้อความนั้น และนายแต้ ชอจิว เป็นผู้ค้ำประกัน ยี่ห้อเซ่งคังจึงมิใช่ผู้กู้ดังโจทก์อ้าง เอกสารท้ายคำฟ้องจึงหาใช่หลักฐานแห่งการกู้ยืมตามกฎหมายไม่ เอกสารนี้เกิดขึ้นโดยจำเลยกับคนอื่นอีก 9 คน เล่นแชร์กัน ราคาแชร์ละ 3,000 บาท โดยนายฮิ้นชองเจ้าของร้านฝ่าซันเป็นนายวงแชร์ ตามประเพณีการเล่นแชร์ ผู้เล่นจะต้องประมูลเสียดอกเบี้ยให้แก่ผู้เล่นทุกคนใครประมูลดอกเบี้ยสูงก็ได้รับเงินแชร์ไป ผู้ประมูลไม่ได้จะต้องนำเงินค่าแชร์มาให้นายวงแชร์เพื่อมอบให้ผู้ประมูลได้ก่อนนายฮิ้นชองจะไปเก็บเงินจากคนอื่นมาให้ผู้ประมูลได้จะต้องให้ผู้ประมูลได้ทำเอกสารแบบท้ายคำฟ้องมอบให้นายฮิ้นชองก่อน แล้วนายฮิ้นชองจึงนำเอกสารนั้นไปให้ผู้ประมูลไม่ได้ ขอรับเงินมา โดยหักดอกเบี้ยที่ประมูลให้ไว้ แล้วนำเงินมามอบให้แก่ผู้ประมูลได้ ผู้เล่นเห็นว่าจำเลยที่ 2 มีฐานะดี จึงให้จำเลยที่ 2 ลงชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในเอกสารนั้น ความรับผิดจะพึงมีเฉพาะผู้เล่นกับนายฮิ้นชองนายวงแชร์เท่านั้น เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2496 จำเลยประมูลแชร์ได้ นายฮิ้นชองจึงให้จำเลยทำหนังสือภาษาจีนรับรองมีข้อความทำนองเอกสารท้ายคำฟ้อง เพื่อจะได้ไปเก็บเงินจากผู้เล่นมาให้จำเลย จำเลยในนามยี่ห้อเซ่งคังได้ทำเอกสารภาษาจีนหลายฉบับให้นายฮิ้นชองไว้ แต่ไม่ได้รับเงินจากนายฮิ้นชองแม้แต่รายเดียว ต่อมาแชร์วงนั้นล้มเลิกไป โจทก์เป็นผู้เล่นแชร์หรือไม่ และนายฮิ้นชองจะนำเอกสารนั้นไปให้โจทก์หรือไม่ จำเลยไม่ทราบ จำเลยไม่ได้รับเงินตามเอกสารท้ายคำฟ้อง จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นส่วนตัว และจำเลยไม่ได้รับหนังสือทวงถาม ยี่ห้อเจี้ยบเซ้งและยี่ห้อเซ่งคังไม่มีฐานะเป็นบุคคลตามกฎหมาย โจทก์จำเลยไม่มีความผูกพันตามเอกสารนั้นขอให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 2 ไม่ยื่นคำให้การ และไม่มาศาลในวันนัดพิจารณา

ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว ให้งดสืบพยานจำเลยโดยจำเลยกับพยานไม่มาศาลตามกำหนดนัด พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้เงิน 3,000 บาท กับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 7 มกราคม 2498 ไปจนกว่าจะใช้เงินเสร็จแก่โจทก์ และให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมกับค่าทนายความ 80 บาท แทนโจทก์ด้วย ถ้าจำเลยที่ 1 ไม่สามารถชำระได้ ก็ให้จำเลยที่ 2 ชำระจนครบถ้วน

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ฎีกาคัดค้านเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า เอกสารสัญญากู้ฉบับพิพาทมิได้มีการลงลายมือชื่อให้ถูกต้องตามความประสงค์ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 9 โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องร้องจำเลยที่ 1 ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรค 1

ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ซึ่งชี้ขาดว่า จำเลยที่ 1 ได้ทำเอกสารกู้ยืมให้โจทก์ไว้ตามฟ้องของโจทก์โดยเซ็นชื่อยี่ห้อเซ่งคังอันเป็นยี่ห้อร้านค้าของจำเลยที่ 1 เป็นผู้กู้ในสัญญาผู้กู้ยืมนั้นปัญหาคงมีว่าการเซ็นชื่อยี่ห้อเซ่งคังของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวเป็นการลงลายมือชื่อผู้กู้ อันเป็นผลให้โจทก์มีสิทธิฟ้องร้องบังคับคดีได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 หรือไม่

พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การลงลายมือชื่อตามบทบัญญัติมาตรา 653แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้น ความสำคัญอยู่ที่ว่าผู้ยืมลงลายมือชื่อหรือไม่ ซึ่งในข้อนี้ข้อเท็จจริงก็ฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้เซ็นชื่อยี่ห้อเซ่งคังอันเป็นยี่ห้อร้านค้าของจำเลยที่ 1 เป็นผู้กู้ในสัญญากู้ยืมรายพิพาท ทางพิจารณาก็ได้ความจากคำโจทก์ว่าตามธรรมเนียมของคนจีนมักเซ็นยี่ห้อแทนชื่อไว้ จึงถือได้ว่า เป็นการลงลายมือชื่อของจำเลย ฎีกาจำเลยไม่มีเหตุจะแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยชนะคดีได้

จึงพิพากษายืน ให้จำเลยที่ 1 เสียค่าทนายชั้นฎีกา 75 บาทแทนโจทก์

Share