คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1214/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การที่จะพิจารณาว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบไปแล้วในการไต่สวนมูลฟ้องจะพอฟังว่าคดีมีมูลหรือไม่ ต้องเป็นกรณีที่โจทก์มาศาลตามกำหนดนัดแล้วไม่ติดใจนำพยานเข้าไต่สวน ต่อไป แต่เมื่อโจทก์ไม่มาศาลในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องครั้งที่สองแม้จะไม่ใช่วันนัดไต่สวนมูลฟ้องครั้งแรก ศาลก็ต้องยกฟ้องโจทก์เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 166 วรรคแรก โดยไม่ต้องวินิจฉัยพยานโจทก์ที่สืบไปแล้วในนัดก่อนว่าคดีมีมูลหรือไม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91
วันนัดไต่สวนมูลฟ้องครั้งที่สอง โจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 166 โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นยกคดีขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นยกคดีขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่เพราะทนายโจทก์ลงเวลานัดผิดพลาดสมควรที่ศาลชั้นต้นจะไต่สวนข้อเท็จจริงเสียก่อนที่จะมีคำสั่งนั้น เห็นว่าข้ออ้างดังกล่าวแม้จะเป็นความจริงตามที่โจทก์ฎีกาก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้ยกคดีขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่ จึงไม่มีความจำเป็นอย่างใดที่ศาลจะต้องทำการไต่สวนเสียก่อนมีคำสั่ง ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 2ไม่ได้วินิจฉัยอุทธรณ์โจทก์ที่ว่า ศาลชั้นต้นสั่งยกฟ้องโดยไม่วินิจฉัยพยานโจทก์ที่สืบไปแล้วในชั้นไต่สวนมูลฟ้องเลยจึงไม่ชอบนั้น ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปเลยโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัย เห็นว่า การที่จะพิจารณาว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบไปแล้วในการไต่สวนมูลฟ้องจะพอฟังว่าคดีมีมูลหรือไม่ ต้องเป็นกรณีที่โจทก์มาศาลตามกำหนดนัดแล้วไม่ติดใจนำพยานเข้าไต่สวนต่อไป แต่เมื่อโจทก์ไม่มาศาลแม้จะไม่ใช่วันนัดไต่สวนมูลฟ้องครั้งแรก ศาลก็ต้องยกฟ้องโจทก์เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรคแรกที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล”
พิพากษายืน

Share