แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงอายุยังไม่เกิน 18 ปี เข้าไปนั่งรวมอยู่ในกลุ่มจำเลยเพราะถูกชายในกลุ่มจำเลยหลอก ผู้เสียหายไม่ได้มีความสมัครใจที่จะเข้าไปนั่งรวมกลุ่มและไม่สมัครใจที่จะไปกับพวกของจำเลยเมื่อผู้เสียหายเดินกลับบ้าน พวกจำเลยเอายาสลบโปะ จมูกจนหมดสติไปผู้เสียหายรู้สึกตัวอีกครั้งพบว่านอนอยู่บนเตียง เสื้อผ้าถูกถอดออกหมด รู้สึกเจ็บที่อวัยวะเพศ มีน้ำไหลออกมาจากอวัยวะเพศเลอะ ตามช่วงขาจำเลยกับพวกอยู่ในห้องด้วย จำเลยนั่งอยู่ปลายเตียง ขณะนั้นทุกคนรวมทั้งจำเลยไม่สวมเสื้อ สวมแต่กางเกงในตัวเดียว ตามพฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าผู้เสียหายได้ถูกข่มขืนกระทำชำเราโดยชายในกลุ่มนั้นซึ่งมีจำเลยรวมอยู่ด้วยแล้ว จำเลยจึงมีความผิดฐานร่วมกันกับพวกฉุดคร่าพรากผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์อายุยังไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจารโดยผู้เสียหายไม่เต็มใจไปด้วย ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังและข่มขืนกระทำชำเราซึ่งเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน อย่างไรก็ดีผู้เสียหายไม่อาจยืนยันได้ว่ามีใครในพวกจำเลยบ้างจำนวนกี่คนที่ได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย เพราะขณะนั้นผู้เสียหายหมดสติไป จึงยังไม่พอให้ฟังว่าพวกของจำเลยอย่างน้อยตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายแล้ว อันจะถือว่าเป็นการข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงได้ จำเลยจึงยังไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกรวม 5 คน ได้ร่วมกันฉุดคร่าพรากนางสาวสุวรรณา สมานคำ ผู้เสียหายอายุยังไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากนายสุพจน์ และนางคล้าย สมานคำ บิดามารดา เพื่อการอนาจารโดยผู้เสียหายไม่เต็มใจไปด้วย จำเลยกับพวกได้ร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายโดยใช้ยาสลบโปะจมูกปิดปากผู้เสียหาย ผู้เสียหายหมดสติ จำเลยกับพวกได้หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายไว้ ทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จำเลยกับพวกได้ร่วมกันกระทำอนาจารผู้เสียหายขณะไม่ได้สติโดยถอดเสื้อผ้าผู้เสียหายออกหมด แล้วจำเลยกับพวกได้ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง เหตุเกิดที่แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276, 310, 318, 83, 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา โดยอธิบดีกรมอัยการรับรองในฎีกาว่ามีเหตุอันสมควรที่ศาลฎีกาจะได้วินิจฉัย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เหตุที่ผู้เสียหายเข้าไปนั่งรวมอยู่ในกลุ่มจำเลยเพราะถูกชายในกลุ่มจำเลยหลอก ผู้เสียหายไม่ได้มีความสมัครใจที่จะเข้าไปนั่งรวมกลุ่ม และไม่สมัครใจที่จะไปกับพวกของจำเลยเมื่อผู้เสียหายเดินกลับบ้าน พวกจำเลยเดินตามหลังผู้เสียหายมาและเอายาสลบโปะจมูกของผู้เสียหาย ผู้เสียหายมารู้สึกตัวอีกครั้งพบว่านอนอยู่บนเตียง เสื้อผ้าถูกถอดออกหมด รู้สึกเจ็บที่อวัยะเพศมีน้ำไหลออกมาจากอวัยวะเพศเลอะตามช่วงขาพับจำเลยกับพวกอยู่ในห้องด้วย จำเลยนั่งอยู่ปลายเตียง ขณะนั้นทุกคนรวมทั้งจำเลยไม่สวมเสื้อ สวมแต่กางเกงในตัวเดียวตามพฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าผู้เสียหายได้ถูกข่มขืนกระทำชำเราโดยชายในกลุ่มนั้นที่ตามผู้เสียหายมาซึ่งมีจำเลยรวมอยู่ด้วย ดังนี้ แม้ไม่ได้ความว่าจำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายก็ตาม แต่การที่จำเลยติดตามผู้เสียหายไปและพวกของจำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราและรออยู่จนพวกของตนข่มขืนกระทำชำเราเสร็จแล้ว และจำเลยพูดว่า ให้กูมั่ง กูยังไม่ได้เลย ขณะผู้เสียหายตื่นขึ้น ซึ่งหมายความว่าจำเลยยังไม่ได้กระทำชำเราผู้เสียหายเลยถือได้ว่าจำเลยได้ร่วมกับพวกฉุดคร่าพรากผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์อายุยังไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากบิดามารดาผู้เสียหายเพื่อการอนาจารโดยผู้เสียหายไม่เต็มใจไปด้วย และร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายโดยใช้ยาสลบโปะปิดจมูกของผู้เสียหาย แล้วจำเลยกับพวกดังกล่าวได้หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายไว้และข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ซึ่งเป็นความผิดหลายกรรมปกติ อย่างไรก็ดี พยานหลักฐานของโจทก์คงมีเพียงตัวผู้เสียหายปากเดียว ไม่มีพยานอื่นได้รู้เห็นเหตุการณ์ขณะที่ผู้เสียหายถูกข่มขืนกระทำชำเรา ผู้เสียหายเองก็ไม่อาจยืนยันได้ว่ามีใครในพวกจำเลยบ้าง จำนวนกี่คนที่ได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย เพราะขณะนั้นผู้เสียหายหมดสติไป จึงยังไม่พอให้ฟังว่าพวกของจำเลยอย่างน้อยตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายแล้วอันจะถือว่าเป็นการข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงได้
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา318 วรรคสาม จำคุก 3 ปี มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา310 วรรคแรก จำคุก 6 เดือน และมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคแรก จำคุก 8 ปี รวมจำคุก 11 ปี 6 เดือนข้อหาอื่นให้ยก.