แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยปล้นทรัพย์ และว่าในการปล้นจำเลยได้ใช้สาตราวุธตีและแทงผู้เสียหายคนหนึ่งโดยเจตนาจะฆ่าให้ตาย จนผู้เสียหายคนนั้นตาย และตีและแทงทำร้ายผู้เสียหายอีกคนหนึ่งถึงบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 301,249,250 ดังนี้แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าไม่มีการปล้น แต่เป็นเรื่องสมัครใจวิวาทซึ่งกันและกัน จำเลยบางคนแทงอีกฝ่ายหนึ่งถึงบาดเจ็บบ้าง ดังนี้ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยผู้ที่ทำร้ายเขาถึงตายและบาดเจ็บตามความผิดที่ตนได้กระทำไปได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยปล้นทรัพย์และในการปล้นนี้ได้ฆ่านายญาติตายโดยเจตนา ตีนายจ้อยบาดเจ็บ เพื่อสะดวกในการปล้นทรัพย์ ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๐๑,๒๔๙,๒๕๐
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น ไม่เชื่อว่าปล้นทรัพย์ แต่เห็นว่าเป็นเรื่องสมัครใจวิวาทกัน นายงามจำเลยแทงนายญาติตาย ผิดมาตรา ๒๕๑ นายปลีก จำเลยใช้ไม้ตีนายจ้อยบาดเจ็บ มีผิดตามมาตรา ๒๕๔ นายนิตจำเลยรับว่าตีนายจ้อย จึงมีผิดตามมาตรา ๒๕๔ ส่วนนายน้อยไม่พอฟังว่าได้ทำผิด จึงพิพากษาลงโทษนายงาม นายปลีก นายนิต จำเลย ปล่อยนายน้อย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ต้องโทษฎีกา
ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ว่าทั้งสองฝ่ายสมัครใจทำร้ายกันและกัน ซึ่งฝ่ายใดจะอ้างว่าได้ทำโดยป้องกันตัวไม่ได้
ส่วนในข้อกฎหมายนั้น ฟ้องของโจทก์กับบรรยายไว้แล้ว่าในการปล้นนี้ จำเลยได้ใช้สาตราวุธตีและแทงนายญาติโดยเจตนาจะฆ่าให้ตาย จนนายญาติถึงแก่ความตาย และตีและแทงทำร้ายนายจ้อยถึงบาดเจ็บ คำขอท้ายฟ้องโจทก์ก็อ้างมาตรา ๒๔๙,๒๕๐ มาเป็นบทลงโทษ เช่นนี้ศาลย่อมลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายและทำร้ายร่างกายได้
จึงพิพากษายืน