คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1211/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้พินัยกรรมจะทำผิดแบบพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองตามความประสงค์เดิมของผู้ทำพินัยกรรมก็ดี แต่ก็ทำขึ้นถูกต้องตามแบบพินัยกรรมธรรมดาตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1656 ทุกประการ ดังนี้ ศาลย่อมยกความสมบูรณ์ตามแบบพินัยกรรมอย่างหลังนี้ ขึ้นใช้บังคับได้โดยอาศัยบทบัญญัติแห่ง ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 136.
ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ซึ่งศาลยกขึ้นวินิจฉัยตัดสินคดีได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 142(5) นั้น จะต้องเป็นข้อกฎหมายที่ได้มาจากข้อเท็จจริงในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ ข้อเท็จจริงที่ปรากฎขึ้นจากพะยานนอกเรื่องนอกประเด็นนั้น ศาลจะรับฟังมาวินิจฉัยเป็นข้อกฎหมายตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 142 (5) ไม่ได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 87.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นางสาวเนยป้าโจทก์ตาย จำเลยได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งขอให้ตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมฤดกนางสาวเนย โดยกล่าวว่านางสาวเนยทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้จำเลยทั้งสองและผู้อื่นอีก ทั้งตั้งจำเลยทั้งสองเป็นผู้จัดการมฤดกด้วย ศาลแพ่งได้มีคำสั่งตั้งจำเลยทั้งสองเป็นผู้จัดการมฤดกตามสำนวรคดีแดง ๑๓๗/๒๔๘๘ ความจริงพินัยกรรมนั้นเป็นโมฆะ โจทก์เป็นทายาทมีสิทธิได้รับมฤดก จึงขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่า พินัยกรรมรายนี้เป็นโมฆะใช้ไม่ได้ตามกฎหมาย และให้ถอดถอนจำเลยทั้งสองออกจากหน้าที่ผู้จัดการมฤดก กับให้ส่งทรัพย์ตามบัญชีท้ายฟ้องให้โจทก์ จำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยเป็นสามีนางเนยโดยชอบด้วยกฎหมาย ก่อนนางเนยตายได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินส่วนของนางเนยให้แก่จำเลยและคนอื่น ๆ จำเลยที่ ๒ ให้การว่าจำเลยไม่รู้เห็นความเป็นไปในการทำพินัยกรรม ก่อนวันนัดพิจารณาศาลอนุญาตโจทก์แก้และเพิ่มเติมฟ้องว่าที่ดิน ซึ่งปลูกบ้านเรือน โฉนดที่ ๒๒๓๖ ตำบลศิริราช ตามบัญชีท้ายฟ้องอันดับ ๑ ความจริงเป็นทรัพย์นอกพินัยกรรม โดยจำเลยที่ ๑ จัดให้นางสาวเนยทำใบมอบฉันทะให้ผู้มีชื่อไปโอนโฉนดให้แก่จำเลยที่ ๑ เสร็จไปแล้วก่อนนางสาวเนยตาย ดังปรากฎตามใบมอบฉันทะลงวันที่วันเดียวกับที่ทำพินัยกรรมนั้นเอง ใบมอบฉันทะเป็นโมฆะใช้ไม่ได้ จึงขอให้ศาลพิพากษาทำลายการโอนโฉนดตามใบมอบฉันทะดังกล่าว จำเลยที่ ๑ ให้การเพิ่มเติมว่า จำเลยที่ ๑ ได้รับโอนที่บ้านโฉนดที่ ๒๒๓๖ ตามใบมอบฉันทะของนางสาวเนยโดยสมบูรณ์และถูกต้องตามกฎหมาย ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้เพิกถอนการโอนโฉนดที่ ๒๒๓๖ ให้ คงมีชื่อนางสาวเนยในโฉนดตามเดิม คำขออื่นให้ยก
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
(๑) พินัยกรรม และใบมอบฉันทะได้ทำขึ้นตามความประสงค์ของนางเนย ๆ ได้พิมพ์ลายนิ้วมือไว้ในเวลามีสติดี
(๒) แม้พินัยกรรมนี้จะทำผิดแบบพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองตามความประสงค์เดิมของนางเนยก็ดี แต่ก็ได้ทำขึ้นถูกต้องตามแบบพินัยกรรมธรรมดาดังบัญญัติไว้ใน ป.ม.แพ่งฯ มาตรา ๑๖๕๖ ทุกประการ ดังนี้ ศาลยกความสมบูรณ์ตามแบบพินัยกรรมอย่างหลังนี้ขึ้นใช้บังคับได้โดยอาศัยบทบัญญัติแห่ง ป.ม.แพ่งฯ มาตรา ๑๓๖.
(๓) ประเด็นข้อนี้ได้วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ว่า ข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ซึ่งเป็นข้อยกเว้นให้ศาลยกขึ้นวินิจฉัยชี้ขาดคดีได้ โดยไม่ต้องมีคู่ความฝ่ายใดกล่าวอ้างตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา ๑๔๒ (๕) นั้น จะต้องเป็นข้อกฎหมายที่ได้มาจากข้อเท็จจริงในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ เช่น ได้จากหลักฐานพะยาน ซึ่งเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดในคดีจะต้องนำสืบ หรือได้จากเอกสารพะยานที่มีกฎหมายบังคับให้คู่ความที่กล่าวอ้างต้องแสดงเป็นต้น สำหรับข้อเท็จจริงที่ปรากฎขึ้นจากพะยานนอกเรื่องนอกประเด็น ไม่เกี่ยวกับที่คู่ความจะต้องนำสืบ หรือมีกฎหมายบังคับให้ต้องแสดงกล่าวข้างต้นนั้น ศาลจะรับฟังมาวินิจฉัยเป็นข้อกฎหมายตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๑๔๒ (๕) ไม่ได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา ๘๗
ข้อบกพร่องของใบมอบฉันทะเรื่องนี้ ซึ่งเกี่ยวกับพะยานและการกรอกชื่อผู้รับมอบฉันทะไม่ถูกต้องนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากคำเบิกความของพะยานอันเป็นการนอกเรื่อง ไม่เกี่ยวถึงข้อเท็จจริงที่คู่ความฝ่ายใดจะต้องนำสืบ เพราะไม่มีใครกล่าวอ้างถึง และไม่เกี่ยวกับประเด็นข้อเท็จจริงตามฟ้องของโจทก์แต่ประการใด ฉะนั้นจึงรับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวไม่ได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงนอกกระบวนพิจารณาโดยชอบต้องห้ามตามกฎหมายดังกล่าว
พิพากษายืน.

Share