แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายซึ่งวิกลจริตขึ้นไปบนเรือนจำเลย หญิงซึ่งอยู่บนเรือนคนเดียวเข้าใจว่าเป็นคนร้าย จึงร้องว่าชะโมยให้ชาวบ้านช่วย มีชาวบ้าน 30-40 คนรวมทั้งจำเลยมีอาวุธปืน 6-7 กระบอก ไล่ตามยิงผู้ตาย ๆ หนีไปแอบจำเลยกับคนอื่น 2 คนยิงไปยังผู้ตายคนละนัด พอสิ้นเสียงปืนปรากฎว่าผู้ตายถูกกระสุนปืนล้มลงตาย โดยไม่ปรากฎว่าตายเพราะถูกกระสุนปืนของใคร ดังนี้ ถือว่าจำเลยผิดเพียงฐานพยายามฆ่าผู้ตาย และไม่ถือว่าจำเลยและผู้ที่ยิ่ง ตลอดจนชาวบ้านที่ไล่ติดตามนั้นสมคบกัน
ย่อยาว
ความว่า ส. เป็นคนวิกลจริตเคยไปเที่ยวไหน ๆ เสมอ ๆ วันเกิดเหตุกลางคืนดึกตอนไก่ขัน ส. ออกจากบ้านไปกับบุตรซึ่งเป็นเด็กชาย ๒ คน มี มีด,แห ป่านถักแหและเงินไปด้วย ไปแวะพักที่ศาลา รุ่งเช้าทั้ง ๓ คนเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อขอข้าวกิน และไปที่เรือนจำเลย พบแต่หญิงอยู่บนเรือนคนเดียว หญิงนั้นกลัววิ่งหนีลงเรือนและร้องว่าขะโมยช่วยด้วย ส. จึงพาบุตรหนีไปแอบข้างจอมปลวกใต้ต้นข่อย มีชาวบ้านไล่ติดตามไป ๓๐-๔๐ คนรวมทั้งนายคำจำเลย มีอาวุธปืนไป ๖-๗ กระบอก ไล่ยิง ส. นายคำจำเลยและคนอื่นอีก ๒ คนยิง ส. ไปคนละ ๑ นัด ส.ถูกกระสุนปืนล้มลงตาย โจทก์ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๔๙-๖๓ นายคำจำเลยให้การปฏิเสธ และคดีมาสู่ศาลฎีกาฉะเพาะนายคำจำเลย
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกันว่า นายคำจำเลยมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๔๙ จำคุก ๑๕ ปี ลดกึ่งหนึ่งคงจำคุก ๗ ปีครึ่ง ริบปืนของกลางยกฟ้องจำเลยอื่น
นายคำจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ไม่ปรากฎว่า กระสุนปืนของใครต้อง ส. พอสิ้นเสียงปืนก็เห็น ส.ล้มลงตาย จะว่าชาวบ้าน ๓๐-๔๐ คนหรือฉะเพาะคนที่ยิงปืนสมคบกันยิง ส. ก็ไม่ได้ เพราะต่างคนต่างเข้าใจว่า ส.เป็นผู้ร้าย ต่างคนต่างไล่ติดตามไป การกระทำของใครจึงควรเป็นของคนนั้น ส. มิได้แสดงกิริยาอาการจะต่อสู้หรือขัดขวางจำเลย นายคำจำเลยจะอ้างเหตุตามกฎหมายเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้ แต่เพราะเหตุที่ไม่ปรากฎว่า กระสุนปืนที่นายคำจำเลยยิงจะต้อง ส.และเป็นเหตุให้ ส.ตายเพราะการกระทำของนายคำจำเลยหรือไม่ นายคำจำเลยจึงมีความผิดเพียงฐานพยายามฆ่า ส. พิพากษาแก้ให้จำคุกนายคำจำเลย ๑๐ ปี ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๔๙,๖๐ ลดกึ่งหนึ่งคงเหลือ ๕ ปี นอกนั้นยืน