แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บุตรเช่านาของมารดาส่วนหนึ่งทำกิน ครั้นน้องมาทวงค่าเช่าก็ไม่ให้ และกลับว่าเป็นที่ของตนเช่นนี้ จะถือว่ามารดา ถูกแย่งสิทธิครอบครองตาม ป.พ.พ.มาตรา 1375 ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องเนื่องจากการเช่าที่ส่วนหนึ่งของมารดา แล้วจะกลับมาเถียงสิทธิกับน้องแย่งการครอบครองจากมารดาย่อมไม่ได้./
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้ให้นางพงษ์บุตรโจทก์น้องจำเลย ทำกิจแล้วนางพงษ์ให้จำเลยเช่าทำได้ ๑ ปี นาง พงษ์ทวงถามค่าเช่าจำเลยกลับเถียงกรรมสิทธิ โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามไม่ให้จำเลยเกี่ยวข้อง
จำเลยต่อสู้คดีหลายประการ ในที่สุดว่าจำเลยครอบครองโดยปกปักษ์มา ๑๑ ปีแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ส่วนในเรื่องอายุความนั้น ได้ความว่า ที่พิพาทมีเนื้อที่เพียง ๑ ไร่เศษเป็นส่วนหนึ่งของที่แปลงใหญ่ของโจทก์ ซึ่งมีเนื้อที่กว่า ๘ ไร่ เป็นที่นาราว ๔ ไร่ นอกนั้นเป็นที่สวนโจทก์ปลูกบ้านอยู่ นาแปลงพิพาทจำเลยเช่าทำโดยโจทก์มิได้ยกให้ การที่นางพงษ์ไปทวงค่าเช่าจำเลย ๆ ไม่ให้กลับว่าเป็นที่ของจำเลยนั้น ไม่มีทางจะให้เห็นว่าโจทก์ถูกแย่งสิทธิครอบครองตาม ป.พ.พ.มาตรา ๑๓๗๕ เพราะเป็นเรื่องเนื่องจากการเช่าที่ส่วนหนึ่ง ของมารดา แล้วกลับจะมาเถียงสิทธิกับนางพงษ์แย่งการครอบครองจากมารดาย่อมไม่ได้ คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
พิพากษากลับให้บังคับคดีตามศาลชั้นนต้น./