คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1206/2504

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยจะยกสิทธิขอให้ย้ายภารจำยอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 3192 ขึ้นอ้างในชั้นบังคับคดีไม่ได้ เพราะเป็นการก่อให้เกิดประเด็นขึ้นใหม่ว่า การย้ายต้องไม่ทำให้ความสะดวกของเจ้าของสามยทรัพย์ลดน้อยลง ซึ่งศาลจะต้องพิจารณาสืบพยานหลักฐานชี้ขาด ถ้าโจทก์ไม่ตกลงยินยอมในการย้าย จำเลยก็ต้องไปฟ้องเป็นคดีต่างหาก
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2504

ย่อยาว

คดีนี้ ศาลฎีกาพิพากษาให้ที่ดินของจำเลยตกอยู่ในการจำยอม ให้โจทก์เดินผ่านเพื่อไปจากและมาสู่ที่ดินของโจทก์ แต่ในชั้นบังคับคดี จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลขอย้ายทางเดินเสียใหม่ และให้แน่นอน เพราะทางเดินเดิมไม่ใช่ทางเดินแน่นอน และเป็นที่เสียหายแก่จำเลย โดยจำเลยต้องรื้อสิ่งปลูกสร้างและไม้ยืนต้นออกไป
ศาลชั้นต้นนัดพร้อม แต่ไม่เป็นที่ตกลงกันได้ จึงให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาประชุมใหญ่แล้วเห็นว่าจริงอยู่ จำเลยอาจเรียกให้ย้ายภารจำยอมตามคำพิพากษาอันถึงที่สุดแล้วไปยังส่วนอื่นแห่งที่ดินของตนได้ แต่สิทธิแห่งการเรียกให้ย้ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๙๒ นี้ คู่ความมิได้ยกขึ้นเป็นข้อพิพาทแห่งคดี จำเลยจะยกสิทธินี้ขึ้นอ้างในชั้นบังคับคดีได้หรือไม่ ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเห็นว่า การยกเอาสิทธิเรียกให้ย้ายตามมาตรา ๑๓๙๒ ขึ้นอ้างนี้ ก่อให้เกิดประเด็นขึ้นใหม่ คือ ประเด็นที่ว่า การย้ายนั้นต้องไม่ทำให้ความสะดวกของเจ้าของสามยทรัพย์ลดน้อยลง ซึ่งศาลจำต้องพิจารณาสืบพยานหลักฐานชี้ขาดข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ฉะนั้น จึงไม่เป็นวิสัยที่จำเลยจะพึงยกสิทธิเรียกให้ย้ายภารจำยอมนี้ขึ้นอ้างเพื่อโต้แย้งการบังคับคดีของศาลซึ่งได้พิพากษาไปแล้วนั้นได้ เมื่อโจทก์จำเลยตกลงกันไม่ได้ในชั้นบังคับคดีที่พิพาทกันนี้จำเลยก็ชอบที่จะไปฟ้องร้องว่ากล่าวตามสิทธิในมาตรา ๑๓๙๒ เป็นคดีอีกต่างหาก ในชั้นนี้ศาลจำต้องบังคับคดีไปตามคำพิพากษาอันถึงที่สุดนั้น

Share