แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ส. ลูกจ้างโจทก์ทำงานในตำแหน่งคนครัวประจำเรือบรรทุกน้ำมันระหว่างปฏิบัติงานในเรือ โจทก์จะจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้ โดยหนึ่งเดือนจะได้หยุดงาน 7 วันติดต่อกันและไม่ได้เบี้ยเลี้ยง การปฏิบัติงานของ ส. ระหว่างเรือออกปฏิบัติงานขนส่งน้ำมันจึงมิใช่เป็นการไปทำงานนอกสถานที่เป็นครั้งคราว เบี้ยเลี้ยงที่จ่ายเป็นการตอบแทนการทำงานในเวลาทำงานปกติของวันทำงาน ถือเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้างซึ่งจะต้องนำมารวมเป็นฐานคำนวณเงินทดแทนด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีคำสั่งให้โจทก์จ่ายเงินทดแทนให้แก่นายสิทธิ์ เพชรภักดี ลูกจ้างของโจทก์ ซึ่งประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้แก่โจทก์ เป็นกรณีต้องตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ ๕๔ (๑) โดยจำเลยนำเบี้ยเลี้ยงในการเดินทางของนายสิทธิ์มาคิดรวมเป็นฐานคำนวณด้วย โจทก์ไม่เห็นด้วยในข้อนี้ เพราะเงินเบี้ยเลี้ยงเป็นเงินที่โจทก์จ่ายให้นายสิทธิ์เมื่อออกไปทำงานต่างจังหวัดเมื่อผู้บังคับบัญชาสั่งเป็นครั้งคราว จึงมิใช่ค่าจ้างที่จะนำมารวมเป็นฐานคำนวณค่าทดแทนได้ ขอให้พิพากษาเพิกถอนคำสั่งของจำเลย
จำเลยให้การว่า โจทก์จ่ายเบี้ยเลี้ยงให้ลูกจ้างทุกวันทำงานเว้นแต่วันหยุด วันลา และวันที่ไม่ได้ทำงาน เบี้ยเลี้ยงจึงถือได้ว่าเป็นค่าจ้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน คำสั่งของจำเลยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า นายสิทธิ์ลูกจ้างโจทก์ทำหน้าที่คนชำนาญงานในตำแหน่งคนครัวประจำเรือบรรทุกน้ำมัน ระหว่างปฏิบัติงานอยู่ในเรือโจทก์จะจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้วันละ ๖๐ บาท หนึ่งเดือนจะได้หยุดงาน ๗ วันติดต่อกัน วันหยุดงานจะไม่ได้เบี้ยเลี้ยง การปฏิบัติงานในเรือจึงเป็นงานประจำในหน้าที่ของลูกจ้างในระหว่างที่เรือออกปฏิบัติงานขนส่งน้ำมัน มิใช่เป็นการไปทำงานนอกสถานที่เป็นครั้งคราว เบี้ยเลี้ยงที่จ่ายจึงเป็นเงินตอบแทนการทำงานในเวลาทำงานปกติของวันทำงาน ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้างซึ่งจะต้องนำมารวมเป็นฐานคำนวณเงินทดแทนด้วย
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง