คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1202/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์รับจ้างทำของให้แก่จำเลย เมื่อจำเลยรับมอบงานที่ทำทั้ง ๆ ที่ทราบข้อชำรุดบกพร่องอยู่ก่อนแล้ว จำเลยก็ต้องรับผิดชำระค่าจ้างแก่โจทก์ การที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ต้องรับผิดเพื่อการนี้เพราะจำเลยได้โต้แย้งท้วงติงในความชำรุดบกพร่องดังกล่าวภายในกำหนด 1 ปีแล้วนั้น ก็เป็นเรื่องความรับผิดในข้อชำรุดบกพร่องเป็นคนละเรื่องกับการที่จำเลยรับมอบงานแล้วไม่จ่ายค่าจ้าง
การที่โจทก์เอางานบางส่วนไปให้ผู้อื่นรับจ้างช่วงโดยมิได้รับอนุญาตจากจำเลย แม้จะเป็นการผิดสัญญา แต่เมื่อจำเลยเพิกเฉยไม่เคยยกเหตุนี้ขึ้นว่ากล่าวแก่โจทก์และไม่เคยขอเลิกสัญญากับโจทก์เพราะเหตุนี้ กรณีจึงไม่มีค่าเสียหายที่โจทก์จะต้องรับผิดอันจำเลยจะอ้างอำนาจตามข้อสัญญามายึดและหักเงินค่าจ้างที่ค้างชำระไว้เพื่อเป็นค่าทดแทน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์ทำการหล่อเสา รายทางเสา ปักตั้งเสาพาดสายโทรเลขในจังหวัดต่าง ๆ ของประเทศไทย โดยโจทก์เป็นผู้จัดหาสิ่งของสัมภาระและแรงงานเอง ปรากฏตามสัญญาจ้างทำของ 4 ฉบับโจทก์ทำงานตามสัญญาดังกล่าวเสร็จเรียบร้อย และเพิ่งมอบงานให้คณะกรรมการของจำเลยตรวจรับมอบงานไปแล้วตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2511 จำเลยจ่ายค่าจ้างตามสัญญาที่ 5, 6 และ 8/2509ครบถ้วนแล้ว ส่วนสัญญาที่ 7/2509 จำเลยจ่ายให้โจทก์ 13 งวด ค้างอีก 7 งวดรวมเป็นเงิน 630,000 บาท โจทก์ทวงถามจำเลยเพิกเฉยในการทำสัญญาจ้าง โจทก์จัดการให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาคลองเตยออกหนังสือค้ำประกันสัญญาจ้าง รวม 4 ฉบับ เมื่อจำเลยตรวจรับมอบงานจากโจทก์ถูกต้องครบถ้วนตามสัญญาแล้ว จำเลยมีหน้าที่ต้องคืนหนังสือสัญญาค้ำประกันดังกล่าวให้แก่โจทก์ จึงขอให้บังคับจำเลยใช้เงินที่ค้างชำระพร้อมดอกเบี้ย รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 724,500 บาทและดอกเบี้ย ให้จำเลยคืนหนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาคลองเตย รวม 4 ฉบับให้แก่โจทก์

จำเลยให้การว่า โจทก์ทำงานไม่เสร็จเรียบร้อย และไม่ถูกต้องตามรูปแบบรายการท้ายสัญญา คณะกรรมการตรวจการจ้างของจำเลยมิได้ตรวจรับมอบงานดังกล่าว จำเลยจึงไม่มีหน้าที่ต้องจ่ายเงินค่าจ้างให้โจทก์ตามสัญญา ฯลฯ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าจ้าง 8 งวด 630,000 บาทกับดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2512 จนถึงวันชำระเสร็จให้โจทก์ ให้จำเลยคืนหนังสือค้ำประกัน 4 ฉบับแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า โจทก์ทำการที่รับจ้างถูกต้องครบถ้วนตามสัญญาและจำเลยได้รับเงินที่จ้างจากโจทก์แล้ว จำเลยมีหน้าที่ต้องเบิกจ่ายให้โจทก์ตามระเบียบสำนักงานคณะรัฐมนตรีว่าด้วยการจ้างฯ

ฎีกาของจำเลยที่ว่า โจทก์ใช้เหล็กหล่อเสาโทรเลขคอนกรีตผิดขนาดและใช้เสาแบบอื่นอันมิใช่เป็นแบบที่ใช้ประกอบสัญญา และมีข้อบกพร่องอื่น ๆ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าในฎีกาของจำเลยเองก็รับว่าจำเลยรับมอบงานจากโจทก์ไว้ ทั้งข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยรับมอบการที่ทำทั้ง ๆ ที่ทราบข้อชำรุดบกพร่องต่าง ๆ นั้นอยู่ก่อนแล้ว เช่นนี้ จำเลยก็ต้องรับผิดชำระค่าจ้างให้แก่โจทก์ที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ต้องรับผิดเพื่อการนี้ เพราะจำเลยได้โต้แย้งท้วงติงในความชำรุดบกพร่องดังกล่าวภายในกำหนด 1 ปี แล้วก็เป็นเรื่องความรับผิดในข้อชำรุดบกพร่อง คนละเรื่องกับการที่จำเลยรับมอบงานจากโจทก์แล้วไม่จ่ายค่าจ้างตามสัญญา

ฎีกาของจำเลยข้อสุดท้ายที่ว่า การที่โจทก์เอางานบางส่วนแห่งสัญญาไปให้ผู้อื่นรับจ้างช่วงโดยมิได้รับอนุญาตจากจำเลย ถือเป็นการผิดสัญญา แม้จำเลยมิได้บอกเลิกสัญญา จำเลยก็มีสิทธิที่จะยึดและหักเงินค่าจ้างที่ค้างชำระไว้เพื่อเป็นค่าทดแทนตามสัญญาข้อที่ 5 วรรคสุดท้ายนั้น เห็นว่า จำเลยเพิกเฉยไม่เคยยกเหตุที่ว่านี้ขึ้นว่ากล่าวกับโจทก์ และไม่เคยขอเลิกสัญญากับโจทก์เพราะเหตุดังกล่าว กรณีจึงไม่มีค่าเสียหายที่โจทก์จะต้องรับผิดอันจำเลยจะอ้างอำนาจยึดและหักเงินค่าจ้างที่ค้างชำระไว้เพื่อเป็นค่าทดแทนดังจำเลยฎีกา

พิพากษายืน

Share