แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยได้รับทำสำเนาทะเบียนบ้านปลอมขึ้นตามที่เจ้าพนักงานตำรวจได้วางแผนเพื่อจับกุม และเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมสำเนาทะเบียนบ้านปลอมดังกล่าวเป็นของกลางซึ่งจำเลยฉีกขาดขณะจับกุมดังนี้ แม้สำเนาทะเบียนบ้านปลอมนั้นจะมิได้นำไปใช้ในกิจการที่จำเลยทำและไม่มีผู้ใดเจตนานำไปใช้ก็ดี แต่ในการทำสำเนาทะเบียนบ้านปลอมขึ้นที่พึงเห็นได้ว่า จำเลยได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงอยู่ในตัว การกระทำของจำเลยจึงเข้าองค์ประกอบความผิดฐานปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสำเนาทะเบียนบ้านปลอมขึ้น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265ให้จำคุก 2 ปี ลดโทษให้ตามมาตรา 78 หนึ่งในสี่ คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า เอกสารปลอมของกลางในคดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจวางอุบายให้จำเลยกระทำปลอมขึ้นเพื่อให้ได้หลักฐานในการเอาผิดต่อจำเลยฐานปลอมเอกสาร ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้วว่า เอกสารปลอมของกลางมิได้นำไปใช้ในกิจการที่จำเลยทำ และเอกสารดังกล่าวมิได้มีผู้ใดเจตนานำไปใช้ฉะนั้น จึงไม่เข้าองค์ประกอบความผิดที่ว่า “ถ้าได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง”
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้รับทำสำเนาทะเบียนบ้านปลอมเอกสารหมาย จ.1 ตามที่เจ้าพนักงานตำรวจได้วางแผนจับกุมโดยเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้พร้อมสำเนาทะเบียนบ้านปลอม เอกสาร จ.1ของกลางซึ่งจำเลยฉีกขาดขณะจับกุม และเงิน 500 บาท ที่จำเลยเรียกร้องจากนายประพิศเนื่องในการทำเอกสารปลอมด้วย ดังนี้ เห็นว่าแม้สำเนาทะเบียนบ้านปลอมเอกสาร จ.1 จะมิได้นำไปใช้ในกิจการที่จำเลยทำและมิได้มีผู้ใดเจตนานำไปใช้ก็ดี แต่ในการทำสำเนาทะเบียนบ้านปลอมดังกล่าวขึ้นนั้นก็พึงเห็นได้ว่าจำเลยได้กระทำขึ้นเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงอยู่ในตัวการกระทำของจำเลยเข้าองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264 ที่ว่า โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนถ้าได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงแล้วการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารตามฟ้อง
พิพากษายืน