คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1199/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฎีกาของจำเลยมีเพียงว่า “ข้าพเจ้าถือเอาคำอุทธรณ์ของจำเลยในปัญหาข้อกฎหมายเป็นส่วนหนึ่งของฎีกาจำเลยด้วย” จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยบทกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195,225

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจสมคบกันลักทรัพย์หรือรับของโจรจำเลยที่ 1 เคยถูกศาลพิพากษาจำคุกและมากระทำผิดคดีนี้ภายในกำหนด1 ปี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1), (11), 357, 83, 85

จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธข้อที่เคยต้องโทษรับว่าจริง

จำเลยที่ 2 ให้การว่าจำเลยเก็บของกลางได้แล้วนำไปขายและถูกจับโดยจำเลยที่ 2 ไม่ทราบว่าเป็นของร้าย

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 ให้จำคุก 2 ปี คำให้การชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี 4 เดือน ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ 1 เสีย

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าฎีกาของจำเลยข้อ ก. เป็นปัญหาข้อกฎหมายให้รับเฉพาะฎีกาข้อนี้

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาของจำเลยที่ 2 ข้อ ก.นี้มีข้อความเพียงว่า “ข้าพเจ้าถือเอาคำอุทธรณ์ของจำเลยในปัญหาข้อกฎหมายเป็นส่วนหนึ่งของฎีกาของจำเลยด้วย” ศาลฎีกาเห็นว่า ฎีกาของจำเลยมิได้อ้างอิงแสดงกฎหมายให้ชัดเจนในข้อกฎหมายที่ฎีกา จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 ประกอบด้วยมาตรา 225 พิพากษาให้ยกฎีกาของจำเลยเสีย

Share