คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1199/2473

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เรือลากกับเรือพ่วงต้องถือว่ารวมกันไป วิธีพิจารณาแพ่ง พะยาน หน้าที่นำสืบผู้ใดอ้างว่าอีกฝ่ายหนึ่งเลินเล่อ ฝ่ายนั้นต้องนำสืบ พ.ร.บ.ฎีกาอุทธรณ์ ม.8 คู่ความเปนคนบังคับนอร์เวย์ ฎีกาได้แต่ในปัญหากฎหมายเท่านั้น

ย่อยาว

ได้ความว่าเรือกลไฟจำเลยกำลังกลับลำอยู่โดยใชัจักร์เดินหน้าและถอย-หลังสลับกันไป และในขณะนั้นไม่มีเรืออื่นเลย เมื่อเรือจำเลยกำลังขวางลำอยู่กลางน้ำ หัวเรือห่างฝั่งตะวันออกประมาณ ๕ วา เรือกลไฟเข็มพลอยซึ่งพ่วงเรือเข้าของโจทก์แล่นตัดข้ามฝากจากฝั่งตวันออกมาฝั่งตวันตกทางท้ายเรือจำเลย เรือเข้าของโจทก์โดนกับหางเสือเรือจำเลยจมลง โจทก์จึงฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย โดยอ้างว่าเหตุเกิดแต่ความประมาทเลินเล่อของจำเลย
ศาลเดิมเห็นว่าคดีนี้จำเลยต้องนำสืบก่อนตามประมวลแพ่ง ม.๔๓๗ และตัดสินให้โจทก์ชนะคดีตามฟ้อง
ศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ตามความในมาตราที่ศาลเดิมอ้างมา ถ้าหากจะนำมาใช้ในคดีเช่นนี้ ต้องใช้บังคับแก่โจทก์ด้วย เพราะเรือลากและเรือพ่วงต้องถือว่ารวมกันไป ฉะนั้นจึงต้องใช้ข้อบังคับในการพิจารณาทั่วไปว่า ฝ่ายใดอ้างว่าอีกฝ่ายหนึ่งประมาทเลินเล่อ ฝ่ายนั้นต้องนำสืบ และเห็นว่านายท้ายเรือเข็มพลอยรู้หรือควรรู้ว่าเรือจำเลยจะต้องถอยหลังในไม่ช้า กระนั้นนายท้ายเรือเข็มพลอยก็พยายามตัดข้ามเรือจำเลยไปอี การเสี่ยงภัยเช่นนี้ เปนการเดินเรือไม่รอบคอบอันควรต้องระมัดระวัง ซึ่งเปนมูโดยตรงให้เกิดอุบัติเหตุ จึงตัดสินให้ยกฟ้องโจทก์

Share