คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1198/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าหนี้อยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้มีประกันของลูกหนี้โดยเป็นผู้มีสิทธิเหนือที่ดินโฉนดเลขที่ 74181, 58539 และ 58540 ตำบลโคกสูง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ของลูกหนี้ในทางจำนอง แม้จะได้ความว่าหนี้ประธานของเจ้าหนี้ขาดอายุความแล้ว แต่เจ้าหนี้ยังคงมีสิทธิที่จะบังคับชำระหนี้ในฐานะผู้รับจำนอง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 745 จากราคาทรัพย์จำนองของลูกหนี้ภายในวงเงินจำนอง แต่จะบังคับเอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระย้อนหลังนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดเกินกว่า 5 ปีไม่ได้ ตามมาตรา 193/27 ประกอบมาตรา 745 การที่เจ้าหนี้ขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ เท่ากับว่าเจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ตามบุริมสิทธิจำนองในลำดับสองจากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เมื่อปรากฏว่าธนาคาร ก. เป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองลำดับหนึ่งและเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ ธ. 2770/2548 ของศาลแพ่ง ซึ่งพิพากษาให้ลูกหนี้ชำระหนี้จำนองลำดับหนึ่งโดยเจ้าหนี้ผู้รับจำนองลำดับหนึ่งได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีนี้ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 96 (3) ซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ปฏิบัติตามคำสั่งกรมบังคับคดีที่ 81/2554 โดยแจ้งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการบังคับคดีแพ่งต่อไปและให้ผู้รับจำนองลำดับหนึ่งได้รับชำระหนี้บุริมสิทธิการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองในคดีดังกล่าวก่อนเจ้าหนี้อื่น แล้วส่งเงินส่วนที่เหลือจากการชำระหนี้แก่ผู้รับจำนองลำดับหนึ่งเข้ามาในคดีล้มละลาย ดังนี้ถือว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้ปฏิบัติการแทนตามนัยมาตรา 6 นิยาม “เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์” และมาตรา 112 อันเป็นการขายทอดตลาดในคดีล้มละลาย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ (จำเลย) เด็ดขาดเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2552
เจ้าหนี้เป็นเจ้าหนี้รายที่ 2 ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้ค้ำประกันและหนี้เบิกเงินเกินบัญชี เป็นเงิน 16,242,197.88 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ในฐานะเจ้าหนี้มีประกัน ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 96 (3) เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 104 แล้ว ไม่มีผู้ใดโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วมีความเห็นว่า ลูกหนี้ทำสัญญาค้ำประกันหนี้เบิกเงินเกินบัญชีที่บริษัทขุมทรัพย์นานา จำกัด ลูกหนี้ชั้นต้น มีต่อธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) เจ้าหนี้เดิมซึ่งเจ้าหนี้รับโอนหนี้มาตามพระราชกำหนดบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย พ.ศ.2544 เมื่อสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีอันเป็นสัญญาบัญชีเดินสะพัด มีการเดินสะพัดทางบัญชีกันครั้งสุดท้ายในวันที่ 30 เมษายน 2540 สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้จึงเกิดขึ้นนับแต่นั้นเมื่อลูกหนี้ทำสัญญาค้ำประกันหนี้ดังกล่าวโดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม จึงต้องถือว่าวันที่ 30 เมษายน 2540 อันเป็นวันที่ลูกหนี้ชั้นต้นผิดนัด เป็นวันที่เจ้าหนี้ชอบที่จะเรียกให้ลูกหนี้ในฐานะผู้ค้ำประกันชำระหนี้ได้แต่นั้น เมื่อสัญญาบัญชีเดินสะพัด กฎหมายมิได้บัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีกำหนดอายุความ 10 ปี เจ้าหนี้จึงอาจใช้สิทธิเรียกร้องตามสัญญาดังกล่าวได้ถึงวันที่ 30 เมษายน 2550 การที่เจ้าหนี้นำมูลหนี้ค้ำประกันหนี้เบิกเงินเกินบัญชีมายื่นคำขอรับชำระหนี้เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2553 แต่เนื่องจากคดีนี้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2552 จึงถือว่าเจ้าหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในวันพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดคือวันที่ 21 ธันวาคม 2552 ล่วงเลยกำหนดอายุความ 10 ปี นับแต่วันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องนั้นได้เป็นต้นไป หนี้ของเจ้าหนี้จึงขาดอายุความ อันเป็นหนี้ที่ต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 94 (1) จึงเห็นควรให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายนี้เสียทั้งสิ้นตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 107 (1) ทั้งนี้ ไม่กระทบสิทธิของเจ้าหนี้ในการที่จะบังคับจำนองลำดับสอง (บางส่วน) ในที่ดินโฉนดเลขที่ 74181, 58539 และ 58540 ตำบลโคกสูง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา อันเป็นหลักประกันต่อไป
ศาลล้มละลายกลาง มีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าหนี้อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติโดยคู่ความมิได้อุทธรณ์โต้แย้งว่า ลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้ตามที่ได้รับโอนสิทธิเรียกร้องมาจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้เดิม ในมูลหนี้ค้ำประกันหนี้เบิกเงินเกินบัญชีโดยเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2537 บริษัทขุมทรัพย์นานา จำกัด ลูกหนี้ชั้นต้นได้ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับเจ้าหนี้เดิมจำนวนเงินไม่เกิน 3,800,000 บาท ในวันดังกล่าวลูกหนี้ทำสัญญาค้ำประกันหนี้เบิกเงินเกินบัญชีโดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมในวงเงินจำนวน 3,800,000 บาท และในวันเดียวกันนั้นเอง ลูกหนี้ได้จดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 74181, 58539 และ 58540 ตำบลโคกสูง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา เป็นประกันลำดับสอง ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชี สัญญาค้ำประกันเบิกเงินเกินบัญชีหนังสือสัญญาจำนองที่ดินเป็นประกันลำดับสองพร้อมข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจำนองเป็นประกัน ลำดับสอง และสำเนาโฉนดที่ดิน ต่อมาเจ้าหนี้เดิมได้โอนสิทธิการรับจำนองในทรัพย์จำนองให้แก่เจ้าหนี้ โดยเจ้าหนี้รับโอนสิทธิการรับจำนองในที่ดินโฉนดเลขที่ 74181 ตำบลโคกสูง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา วงเงินจำนวน 765,332.59 บาท ให้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 13.75 ต่อปี เป็นประกันลำดับสอง และที่ดินโฉนดเลขที่ 58539 และ 58540 ตำบลโคกสูง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา วงเงินจำนวน 2,004,442.49 บาท ให้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 13.75 ต่อปี เป็นประกันลำดับสอง หลังจากทำสัญญา ลูกหนี้ชั้นต้นกับเจ้าหนี้เดิมได้เดินสะพัดทางบัญชีกันเรื่อยมา จนกระทั่งมีการเดินสะพัดทางบัญชีกันครั้งสุดท้ายในวันที่ 30 เมษายน 2540 สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ตามสัญญาจึงเกิดขึ้นนับแต่นั้น เมื่อลูกหนี้ทำสัญญาค้ำประกันหนี้ดังกล่าวโดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม จึงต้องถือว่าวันที่ 30 เมษายน 2540 อันเป็นวันที่ลูกหนี้ชั้นต้นผิดนัด เป็นวันที่เจ้าหนี้ชอบที่จะเรียกให้ลูกหนี้ชั้นต้นและลูกหนี้ในฐานะผู้ค้ำประกันชำระหนี้ได้แต่นั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 686 เมื่อสัญญาบัญชีเดินสะพัด กฎหมายมิได้บัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีกำหนดอายุความ 10 ปีตามมาตรา 193/30 เจ้าหนี้จึงอาจใช้สิทธิเรียกร้องได้ถึงวันที่ 30 เมษายน 2550 ต่อมาเมื่อศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดในวันที่ 21 ธันวาคม 2552 เจ้าหนี้นำมูลหนี้ค้ำประกันหนี้เบิกเงินเกินบัญชีมายื่นคำขอรับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันเหนือที่ดินโฉนดเลขที่ 74181, 58539 และ 58540 ตำบลโคกสูง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ของลูกหนี้ ในทางจำนองลำดับสองตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 96 (3) จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้เป็นเงินจำนวน 16,242,197.88 บาท ในวันที่ 16 สิงหาคม 2553 อันล่วงเลยกำหนดอายุความ 10 ปี นับแต่วันที่เจ้าหนี้อาจบังคับสิทธิเรียกร้องนั้นได้เป็นต้นไปหนี้ประธานของเจ้าหนี้จึงขาดอายุความ
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของเจ้าหนี้มีเพียงว่า การที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โดยเกี่ยงให้เจ้าหนี้ไปใช้สิทธิบังคับจำนองเอาแก่ทรัพย์หลักประกันในทางแพ่งเองต่างหาก ชอบหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้เจ้าหนี้อยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้มีประกันของลูกหนี้โดยเป็นผู้มีสิทธิเหนือทรัพย์สินที่ดินโฉนดเลขที่ 74181, 58539 และ 58540 ตำบลโคกสูง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ของลูกหนี้ในทางจำนอง แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่าหนี้ประธานของเจ้าหนี้ขาดอายุความแล้วก็ตาม แต่เจ้าหนี้ก็ยังคงมีสิทธิที่จะบังคับชำระหนี้ในฐานะผู้รับจำนอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 745 จากราคาทรัพย์จำนองของลูกหนี้ภายในวงเงินจำนอง แต่จะบังคับเอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระย้อนหลังนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดเกินกว่า 5 ปีไม่ได้ ตามมาตรา 193/27 ประกอบมาตรา 745 เช่นนี้ การที่เจ้าหนี้ขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ เท่ากับว่าเจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ตามบุริมสิทธิจำนองในลำดับสองจากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ทางสอบสวนปรากฏว่าธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองลำดับหนึ่ง และเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ ธ.2770/2548 ของศาลแพ่ง ซึ่งพิพากษาให้ลูกหนี้ชำระหนี้จำนองลำดับหนึ่งโดยเจ้าหนี้ผู้รับจำนองลำดับหนึ่งได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีนี้ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 96 (3) ซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ปฏิบัติตามคำสั่งกรมบังคับคดีที่ 81/2554 โดยแจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีแพ่งต่อไป และให้ผู้รับจำนองลำดับหนึ่งได้รับชำระหนี้บุริมสิทธิการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองในคดีดังกล่าวก่อนเจ้าหนี้อื่น แล้วส่งเงินส่วนที่เหลือจากการชำระหนี้แก่ผู้รับจำนองลำดับหนึ่งเข้ามาในคดีล้มละลาย ดังนี้ ถือว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้ปฏิบัติการแทนตามนัยมาตรา 6 นิยาม “เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์” และมาตรา 112 อันเป็นการขายทอดตลาดในคดีล้มละลาย จึงสมควรแก้ไขวิธีการรับเงินของเจ้าหนี้ให้ถูกต้อง ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทำนองว่าให้เจ้าหนี้ไปดำเนินการบังคับเอาแก่ทรัพย์จำนองในคดีแพ่งเองต่างหากนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ของเจ้าหนี้ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จ่ายเงินแก่เจ้าหนี้ในฐานะผู้รับจำนองในลำดับสองเมื่อเหลือชำระหนี้แก่ผู้รับจำนองในลำดับหนึ่งจากการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 74181 ตำบลโคกสูง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา พร้อมสิ่งปลูกสร้างวงเงินจำนองในลำดับสอง 765,332.59 บาท กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 13.75 ต่อปี ที่ค้างชำระเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดย้อนขึ้นไป และที่ดินโฉนดเลขที่ 58539 และ 58540 ตำบลโคกสูง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา พร้อมสิ่งปลูกสร้างวงเงินจำนองในลำดับสอง 2,004,442.49 บาท กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 13.75 ต่อปี ที่ค้างชำระเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดย้อนขึ้นไป แต่ทั้งนี้ไม่เกินจำนวนที่เจ้าหนี้มีคำขอ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งของศาลล้มละลายกลาง

Share