คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1196/2550

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ความผิดฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบห้าปีตาม ป.อ. มาตรา 277 วรรคแรก และความผิดฐานพาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจาร โดยใช้กำลังประทุษร้าย ตามมาตรา 284 วรรคแรก จำเลยมีเจตนาเดียวกันคือพาผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเรา จึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามมาตรา 277 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา 90 ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยเป็นความผิดต่างกรรมเป็น 2 กระทง จึงเป็นการไม่ชอบ แม้จำเลยจะมิได้ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นว่ากล่าวในศาลอุทธรณ์ภาค 6 และมิได้ฎีกาปัญหานี้ขึ้นมา แต่กรณีเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277, 284, 317, 58, 91 และบวกโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 454/2547 ของศาลชั้นต้น เข้ากับโทษจำคุกของจำเลยในคดีนี้
ระหว่างพิจารณา เด็กหญิง ล. ผู้เสียหาย โดย ว. ผู้แทนโดยชอบธรรมยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่ก่อนสืบพยาน จำเลยขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 (ที่ถูกมาตรา 277 วรรคแรก), 284 วรรคแรก, 317 วรรคสาม การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาของตน จำคุก 10 ปี ฐานพาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจาร โดยใช้กำลังประทุษร้าย จำคุก 2 ปี ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร จำคุก 10 ปี รวม 3 กระทง เป็นจำคุก 22 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 11 ปี ให้บวกโทษจำคุก 1 ปี ของจำเลยตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 454/2547 เข้ากับโทษจำคุกของจำเลยในคดีนี้ รวมแล้วจำคุก 12 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบห้าปี และฐานพรากเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจารให้จำคุกระทงละ 8 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 รวม 2 กระทง จำคุก 8 ปี เมื่อรวมความผิดฐานพาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจารแล้ว เป็นจำคุก 9 ปี ยกคำขอให้บวกโทษ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยนั้น เห็นว่า ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายอายุเพียง 13 ปีเศษ ยังอยู่ในวัยเด็ก การที่จำเลยใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายและพรากผู้เสียหายไปจากผู้ปกครองเพื่อการอนาจาร โดยใช้กำลังประทุษร้ายและข่มขื่นกระทำชำเราผู้เสียหายจนจำเลยสำเร็จความใคร่ โดยผู้เสียหายไม่ยินยอม เป็นการกระทำที่กระทบกระเทือนต่อจิตใจของผู้เสียหาย สร้างความอัอายและเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของผู้เสียหายพฤติการณ์ในการกระทำความผิดของจำเลยจึงเป็นเรื่องร้ายแรง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 กำหนดโทษจำเลยก่อนลดโทษให้ในความผิดฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบห้าปี และความผิดฐานพรากเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร ให้จำคุกกระทงละ 8 ปี นับว่าเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข และเมื่อลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งแล้ว โทษแต่ละกระทงไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยนั้น ชอบแล้วฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ความผิดฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบห้าปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคแรก และความผิดฐานพาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้าย ตามมาตรา 284 วรรคแรก จำเลยมีเจนาเดียวกันคือ พาผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเรา จึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามมาตรา 277 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา 90 ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยเป็นความผิดต่างกรรมเป็น 2 กระทง จึงเป็นการไม่ชอบ แม้จำเลยจะมิได้ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นว่ากล่าวในศาลอุทธรณ์ภาค 6 และมิได้ฎีกาปัญหานี้ขึ้นมา แต่กรณีเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้เอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225”
พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคแรก และมาตรา 284 วรรคแรก เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 277 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 8 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุก 4 ปี เมื่อรวมกับโทษในความผิดฐานพรากผู้เยาว์แล้ว คงจำคุก 8 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6

Share