คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1196-1197/2529

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

คดีที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อศาลแขวงพิพากษายกฟ้องแล้วจึงอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยรับเงินจากลูกค้าแทนโจทก์แล้วมิได้ส่งมอบเงินแก่โจทก์เท่ากับจำเลยครอบครองแทนโจทก์แล้วจำเลยทุจริตเอาไปเสียไม่นำส่งแก่โจทก์นั้นเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยเป็นตัวแทนของโจทก์ได้รับมอบหมายจากโจทก์ให้เก็บเงินและครอบครองเงินแทนโจทก์ย่อมเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงแม้จะเป็นการวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ก็เป็นการวินิจฉัยนอกเหนือไปจากข้อเท็จจริงที่ศาลแขวงฟังยุติแล้วจำเลยไม่ได้ครอบครองเงินแทนโจทก์และเบียดบังเงินของโจทก์จึงเป็นการวินิจฉัยที่มิชอบแม้ว่าจำเลยมิได้หยิบยกปัญหาข้อนี้ขึ้นอ้างอิงศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยและจำเลยจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต่อไปมิได้.

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง จำเลย ทั้ง สอง สำนวน มี ข้อความ ทำนอง เดียวกัน ว่า จำเลยได้ รับ มอบหมาย จาก โจทก์ ให้ เป็น ผู้ เก็บเงิน ค่า สินค้า จาก ลูกค้าของ โจทก์ เพื่อ ส่ง ต่อ โจทก์ ระหว่าง วัน เกิดเหตุ จำเลย เก็บเงินจาก ลูกค้า ของ โจทก์ หลาย รายการ รวม เป็น เงิน 44,383 บาท และ2,550 บาท ตาม ลำดับ แล้ว จำเลย ไม่ ส่ง ให้ โจทก์ กลับ เบียดบังยักยอก เอา เงิน ดังกล่าว เป็น ของ จำเลย หรือ บุคคล ที่ สาม โดย ทุจริต ขอ ให้ ลงโทษ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 353
ศาลชั้นต้น ไต่สวน มูลฟ้อง แล้ว ประทับฟ้อง
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ ทั้ง สอง สำนวน
ศาลชั้นต้น พิพากษา ยกฟ้อง
โจทก์ ทั้ง สอง สำนวน อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิจารณา แล้ว พิพากษา กลับ ให้ ลงโทษ จำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 จำคุก จำเลย สำนวน ละ 2 ปี รวม เป็น โทษจำคุก 4 ปี
จำเลย ทั้ง สอง สำนวน ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า เมื่อ ศาลแขวง พิพากษา ยกฟ้อง แล้ว จะ อุทธรณ์ใน ปัญหา ข้อเท็จจริง ไม่ ได้ ตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22ซึ่ง แก้ไข แล้ว ปัญหา ข้อเท็จจริง ย่อม ถือ เป็น ยุติ ตาม ที่ ศาลแขวงฟัง มา โจทก์ อุทธรณ์ ว่า จำเลย รับ เงิน จาก ลูกค้า แทน โจทก์ แล้วมิได้ ส่งมอบ เงิน แก่ โจทก์ เท่ากับ จำเลย ครอบครอง เงิน แทน โจทก์แล้ว จำเลย ทุจริต เอา ไป เสีย ไม่ นำส่ง แก่ โจทก์ เป็น อุทธรณ์ ในปัญหา ข้อเท็จจริง การ ที่ ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัย ว่า จำเลย เป็น ตัวแทนของ โจทก์ ได้ รับ มอบหมาย จาก โจทก์ ให้ เก็บ เงิน และ ครอบครอง เงินแทน โจทก์ ย่อม เป็น การ วินิจฉัย ข้อเท็จจริง แม้ จะ เป็น การ วินิจฉัยตาม อุทธรณ์ ของ โจทก์ ก็ เป็น การ วินิจฉัย นอกเหนือ ไป จากข้อเท็จจริง ที่ ศาลแขวง ฟัง ยุติ แล้ว ว่า จำเลย ไม่ ได้ ครอบครองเงิน แทน โจทก์ และ เบียดบัง เงิน ของ โจทก์ จึง เป็น การ วินิจฉัยที่ มิชอบ แม้ว่า จำเลย มิได้ หยิบยก ปัญหา ข้อนี้ ขึ้น อ้างอิงศาลฎีกา ก็ ยกขึ้น วินิจฉัย ได้ เพราะ เป็น ปัญหา เกี่ยวด้วย ความสงบเรียบร้อย และ จำเลย จะ ฎีกา ใน ปัญหา ข้อเท็จจริง ต่อไป มิได้
พิพากษา ยก คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ และ ยก ฎีกา จำเลย คง ยกฟ้อง โจทก์ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น.

Share