คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1190/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยข้อ 3 กล่าวว่า “ฝ่ายที่ 2(คือ จำเลย) สัญญาจะทำการไถ่ถอนจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโฉนดเลขที่ 597 และโอนกรรสิทธิให้แก่ฝ่ายที่ 1 ให้เป็นกรรมสิทธิให้เป็นการเสร็จสิ้นใน 4 เดือนนับแต่วันทำสัญญานี้” ส่วนข้อความอีกตอนหนึ่งท้ายสัญญามีว่า “และได้ลงนามไว้ในหนังสือมอบอำนาจของหอทะเบียนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้นก่อนหรือหลังกำหนด 4 เดือนก็ชอบที่จะกระทำได้”
ดังนี้เมื่อจำเลยไม่ไถ่ถอนจำนองที่ดินโฉนดที่ 597 ภายใน 4 เดือนนับแต่วันทำสัญญาจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาแล้วเพราะเห็นได้ว่าก่อนหรือหลัง 4 เดือนก็ชอบที่จะกระทำได้ ” นั้นย่อมหมายความแต่เฉพาะเรื่องการลงนามในหนังสือมอบอำนาจเท่านั้น มิได้มุ่งหวังว่าจำเลยจะทำการไถ่ถอนจำนองภายหลัง 4 เดือนนานเท่าใดก็ได้
ส่วนข้อที่โจทก์จำเลยร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องนายวัทธนา ให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากโฉนดที่ 597 ภายหลังกำหนด 4 เดือน นั้นก็เป็นเรื่องที่ร่วมกันฟ้องผู้อื่นโดยเหตุที่มีชื่อถือกรรมสิทธิร่วมกันในโฉนด เป็นคนละเรื่องกับความยินยอมเลื่อนระยะเวลาไถ่ถอนการจำนอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเดิมโจทก์จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิที่ดินและสิ่งปลูกสร้างร่วมกันคนละครึ่งในที่ดินโฉนดที่ ๕๙๗ และโฉนดที่ ๑๔๙๓ ต่อมาจำเลยได้ทำสัญญาเอาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเฉพาะส่วนของจำเลยตามที่ดินโฉนดที่ ๕๙๗ และ เปลี่ยนกับที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เฉพาะส่วนของโจทก์ตามโฉนดที่ ๑๔๙๓ โดยจำเลยสัญญาว่าจะเป็นผู้ไถ่ถอนการจำนองโฉนดที่ ๕๙๗ กับยอมให้เงินชดเชยแก่โจทก์อีก ๑๕,๐๐๐ บาท ในกำหนด ๔ เดือน หากจำเลยไม่ทำการไถ่ถอน ฯลฯ ภายในกำหนด จำเลยยอมให้โจทก์กลับเป็นเจ้าของกรรมสิทธิที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ร่วมกับจำเลยต่อไป บัดนี้จำเลยผิดสัญญาและไม่ยอมให้โจทก์กลับมีกรรมสิทธิร่วมกับจำเลย จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยต่อสู้ว่ายังไม่ผิดเงื่อนไขในสัญญาและได้ชำระเงินให้โจทก์ครบถ้วนแล้ว
ศาลแพ่งพิพากษาว่าจำเลยไม่ไถ่ถอนการจำนองภายใน ๔ เดือน และชำระเงินชดเชยให้โจทก์ไม่ครบตามสัญญา พิพากษาให้โจทก์ชนะคดีตามคำขอ
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อที่จำเลยโต้เถียงว่าจำเลยจะไถ่ถอนการจำนองภายในกำหนด ๔ เดือนก็ย่อมกระทำได้ตามสัญญาโดยอ้างตอนท้ายแห่งสัญญาข้อความว่า ” และได้ลงนามไว้ในหนังสือมอบอำนาจของหอทะเบียนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้นก่อนหรือหลังกำหนด ๔ เดือน ก็ชอบที่จะกระทำได้” แต่ในสัญญาข้อ ๓ นั้นเอง กล่าวว่า ” ฝ่ายที่ ๒(คือจำเลย) สัญญาจะทำการไถ่ถอนที่ดินการจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโฉนดเลขที่ ๕๙๗ และโอนกรรมสิทธิให้แก่ฝ่ายที่ ๑ ให้เป็นกรรมสิทธิเป็นการเสร็จสิ้นใน ๔ เดือนนับแต่วันทำสัญญานี้ ” เห็นได้ชัดว่าที่กล่าวว่า ” ก่อนหรือหลัง ๔ เดือน ก็ชอบที่กระทำได้ ” นั้นย่อมหมายความแต่เฉพาะเรื่องการลงนามในหนังสือมอบอำนาจเท่านั้น มิใช่เป็นเรื่องลบล้างข้อความในสัญญาที่มีอยู่ มิได้มุ่งหวังว่าจำเลยจะทำการไถ่ถอนการจำนองภายหลัง ๔ เดือน นานเท่าใด ๆ ก็ได้ ทั้งข้อเท็จจริงก็ได้ความว่าจำเลยได้มอบหนังสือมอบอำนาจโอนที่ดินให้แก่โจทก์ในวันทำสัญญานั้น
ส่วนข้อที่โจทก์จำเลยร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องนายวัทธนาให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินโฉนดที่ ๕๙๗ ภายหลังกำหนด ๔ เดือนนั้นเป็นเรื่องที่ร่วมกันฟ้องผู้อื่นโดยเหตุที่มีชื่อถือกรรมสิทธิร่วมกันในโฉนด เป็นคนละเรื่องกับการยินยอมเลื่อนระยะเวลาการไถ่ถอนการจำนอง
รวมความว่า จำเลยกระทำผิดสัญญาข้อ ๓,๔ ทั้งสองข้อ โดยมิได้ไถ่ถอนการจำนองที่ดินและมิได้ชำระเงินชดใช้ให้แก่โจทก์ให้ครบถ้วนและถูกต้องตามสัญญา
พิพากษายืน

Share