คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1187/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) หมายถึงบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่ถูกประทุษร้ายได้รับความเสียหายอันเป็นที่เห็นประจักษ์โดยตรง แต่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร และจำเลยก็มิได้กระทำผิดทางอาญาต่อโจทก์แต่อย่างใด ดังนี้โจทก์จึงหาใช่ผู้เสียหายไม่
เมื่อโจทก์มิใช่ผู้เสียหายแล้วก็ย่อมนำมาตรา 51 มาปรับแก่คดีไม่ได้
เมื่อพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร มาตรา 11 วรรคสอง ให้อำนาจเจ้าพนักงานท้องถิ่นร้องขอต่อศาลให้ผู้กระทำผิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือรื้อถอนอาคารที่สร้างผิดแผกไปจากแผนผังแบบก่อสร้างได้ ทั้งโจทก์ก็ได้โต้แย้งให้แก้ไขแล้วแต่จำเลยไม่ปฏิบัติตาม โจทก์ก็ย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้บังคับได้
ตามที่พระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคารมิได้บัญญัติเรื่องอายุความฟ้องร้องไว้ ก็ต้องใช้อายุความตามหลักทั่วไปแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์มีหน้าที่ควบคุมการก่อสร้างได้อนุญาตให้จำเลยปลูกสร้างอาคารตามแบบที่ขอไว้ จำเลยทำผิดแบบแปลนที่อนุญาตเป็นการผิดต่อพระราชบัญญัติการควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2479 มาตรา 11ถูกเปรียบเทียบปรับ 500 บาท โจทก์แจ้งให้แก้ไขจำเลยไม่ปฏิบัติตามจึงขอให้ศาลบังคับให้แก้ไขหรือรื้อถอน

จำเลยให้การว่าไม่ผิดแม้ผิดก็ไม่ใช่ในส่วนใหญ่ที่ขาดความมั่นคงแก่อาคาร ฟ้องเคลือบคลุมขาดอายุความ

ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์และจำเลยบ้างแล้วสั่งงดสืบพยานจำเลยวินิจฉัยว่าคดีขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง โดยไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นข้ออื่น

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายจะใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51 ไม่ได้ คดียังไม่ขาดอายุความ พิพากษากลับให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้สืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ แต่มีความเห็นแย้งว่าควรยกฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องคดีใหม่ให้ถูกต้อง

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาปรึกษาแล้วมีปัญหาว่าโจทก์ฟ้องจำเลยได้หรือไม่ศาลฎีกาเห็นว่าความหมายแห่งคำว่าผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) หมายความเฉพาะบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลดังความเห็นของศาลอุทธรณ์เท่านั้น โจทก์ในคดีนี้เป็นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคารพ.ศ. 2479 และจำเลยก็มิได้กระทำผิดทางอาญาต่อโจทก์ประการใดโจทก์จึงไม่ใช่เป็นผู้เสียหายอันเนื่องมาจากการกระทำผิดทางอาญาของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) เมื่อโจทก์มิใช่ผู้เสียหายคดีของโจทก์ก็ไม่ต้องด้วยมาตรา 51 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา จึงยกเอา มาตรา 51 มาปรับแก่คดีของโจทก์ไม่ได้ ความในวรรคสอง แห่งมาตรา 11 พระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้าง พ.ศ. 2479 ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นร้องขอต่อศาล ขอให้ผู้กระทำผิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือรื้อถอนอาคารที่ได้สร้างผิดแผกไปจากแผนผังแบบก่อสร้างได้ และโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยจัดการแก้ไขตามอำนาจที่โจทก์มีอยู่แล้ว แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีต่อศาลขอให้บังคับจำเลยได้ พระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2479 มิได้บัญญัติอายุความฟ้องร้องไว้ในกรณีเช่นนี้จึงต้องใช้อายุความตามหลักทั่วไปในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164

จึงพิพากษายืน

Share