คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1184/2546

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ยื่นฟ้องเกินกำหนดเวลาตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. 2482 จึงไม่รับฟ้อง ส่วนศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องจำเลย พิพากษายืน จึงมีผลเท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกาไม่ได้ทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งและเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลนครสมุทรปราการ ซึ่งได้มีการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2542 เมื่อวันที่ 1กันยายน 2542 จำเลยทั้งสี่ได้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลนครสมุทรปราการโดยรู้อยู่แล้วตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เพราะว่าจำเลยทั้งสี่เป็นบุคคลมีสัญชาติไทยโดยการเกิดแต่บิดาเป็นคนต่างด้าว จึงต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่จำเลยทั้งสี่สมัครรับเลือกตั้งทั้งที่เป็นบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้มีสิทธิรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลตามกฎหมาย เหตุเกิดที่ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช 2482 มาตรา 65 และให้สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจำเลยทั้งสี่มีกำหนดเวลา 8 ปี

ศาลชั้นต้นพิจารณาคำฟ้องแล้ว มีคำสั่งไม่รับฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วเห็นว่าโจทก์ยื่นฟ้องเกินกว่ากำหนดเวลาตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พุทธศักราช 2482 สั่งไม่รับฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 1 เห็นว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องจำเลย พิพากษายืน ผลเท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกาไม่ได้ทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์ไว้จึงเป็นการไม่ชอบศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

พิพากษายกฎีกาโจทก์

Share