คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1183/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยให้โจทก์จัดหาที่ดินมาให้จำเลยเสนอขายให้บริษัทส. โดยสัญญาจะแบ่งรายได้สุทธิจากการขายให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง เมื่อถึงกำหนดจำเลยไม่ชำระให้โจทก์โดยครบถ้วนย่อมได้ชื่อว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้วแม้ทนายความของโจทก์จะมีหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระเงินอีกภายในกำหนด 7 วัน จำเลยก็ยังปฏิเสธอยู่เช่นเดิมโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยให้โจทก์จัดหาที่ดินมาให้จำเลยเสนอขายแก่บริษัทเสริมสุข จำกัด โดยจำเลยทำสัญญาจะแบ่งรายได้สุทธิจากการขายให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง โจทก์ได้ติดต่อเจ้าของที่ดินมาให้จำเลยเสนอขายแก่บริษัทเสริมสุข จำกัดเป็นผลสำเร็จ ปรากฏว่ามีรายได้สุทธิจากการขายเป็นเงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งจะต้องแบ่งให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง จำเลยชำระให้โจทก์แล้วบางส่วนคงเหลือที่จะต้องชำระอีกจำนวนหนึ่ง จำเลยไม่ชำระ โจทก์จึงฟ้องขอให้ศาลบังคับ

จำเลยให้การว่าจำเลยได้ชำระส่วนแบ่งให้โจทก์ครบถ้วนแล้ว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวนหนึ่งพร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้จำนวนเงิน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เรื่องนี้จำเลยสัญญาจะชำระส่วนแบ่งรายได้สุทธิให้โจทก์ครึ่งหนึ่งในวันที่ 8 กันยายน 2520 แล้วจำเลยไม่ชำระให้โจทก์โดยครบถ้วน ย่อมได้ชื่อว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว แม้ทนายความของโจทก์จะมีหนังสือทวงถามมายังจำเลยในวันที่ 22 ธันวาคม 2520 โดยให้จำเลยชำระภายใน 7 วัน จำเลยก็ยังคงปฏิเสธไม่ยอมชำระอยู่นั่นเองจึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะอ้างได้ว่าจำเลยมิได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์และได้วินิจฉัยในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับจำนวนเงินที่ค้างชำระโดยวินิจฉัยให้จำเลยชำระเป็นเงินตามที่ศาลชั้นต้นพิพากษา

พิพากษาแก้เป็นว่าให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share