คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1181/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยยกที่ดินของจำเลยทั้งหมดให้แก่ทางราชการเพื่อตัดเป็นถนนสาธารณะย่อมทำให้ที่ดินดังกล่าวตกเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินแม้ทางราชการไม่ได้ใช้ที่ดินทั้งหมดโดยยังคงเหลือส่วนของที่ดินพิพาทซึ่งอยู่ติดกับที่ดินของโจทก์เป็นที่ว่างระหว่างที่ดินของโจทก์กับถนนสาธารณะที่ดินนั้นก็ยังคงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่และแม้ที่ดินของโจทก์เพิ่งมาติดกับที่ดินพิพาทเมื่อจำเลยยกที่ดินให้แก่ทางราชการแล้วก็ตามโจทก์ก็ย่อมมีสิทธิเดินและนำรถยนต์ผ่านที่ดินพิพาทเข้าออกจากที่ดินของโจทก์ไปสู่ถนนสาธารณะได้เมื่อจำเลยนำดินและทรายมาถมกองและปลูกต้นไม้ไว้ในที่ดินพิพาททำให้โจทก์ใช้ประโยชน์เข้าออกจากที่ดินของโจทก์ไม่สะดวกและนำรถเข้าออกจากที่ดินของโจทก์ไม่ได้นั้นถือว่าโจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ เป็น เจ้าของ ที่ดิน โฉนด เลขที่ 40067เมื่อ ต้น เดือน กุมภาพันธ์ 2534 จำเลย เข้า ครอบครอง ที่ดินสาธารณประโยชน์ ติดต่อ กับ ที่ดิน ของ โจทก์ ทาง ด้าน ทิศเหนือ โดย นำ เอาดิน และ ทราย เข้า มา ถม จน เต็ม หน้าที่ ดิน ของ โจทก์ และ ยัง นำ ต้นมะม่วงลง ปลูก ใน บริเวณ ที่สาธารณะ นั้น อีก ด้วย เป็นเหตุ ให้ โจทก์ ไม่สามารถใช้ ประโยชน์ หน้าที่ ดิน ส่วน ทาง ด้าน ทิศเหนือ เข้า ออก สู่ ถนน สาธารณะ ได้สะดวก ทำให้ เกิด ความ เดือดร้อน รำคาญ ขอให้ บังคับ จำเลย ออก ไป จากที่ดิน สาธารณประโยชน์ ด้าน ทิศเหนือ ของ ที่ดิน โฉนด เลขที่ 40067 โดยทำให้ ที่ดิน ดังกล่าว กลับ สู่ สภาพ เดิม และ ห้าม จำเลย กับ บริวาร เข้า มายุ่ง เกี่ยว อีก
จำเลย ให้การ ว่า จำเลย ได้ ครอบครอง ที่ดินพิพาท มา ประมาณ 20 ปี เศษโจทก์ ไม่มี กรรมสิทธิ์ หรือ สิทธิ ใด ๆ ใน ที่ดินพิพาท โจทก์ จึง ไม่มีอำนาจฟ้อง และ ฟ้องโจทก์ เคลือบคลุม ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ จำเลย ออก ไป จาก ที่ดิน สาธารณประโยชน์ทาง ด้าน ทิศเหนือ ของ ที่ดิน โจทก์ โฉนด เลขที่ 40067 ตำบล แหลมบัว อำเภอ นครชัยศรี จังหวัด นครปฐม และ ให้ ทำ ที่ดิน ดังกล่าว กลับคืน สู่ สภาพ เดิม ส่วน คำขอ อื่น ให้ยก
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “พิเคราะห์ แล้ว ข้อเท็จจริง ฟังได้ เป็นยุติ ว่า จำเลย นำ ดิน และ ทราย มา ถม กอง และ นำ ต้นมะม่วง มา ปลูก ไว้ ใน ที่ดินซึ่ง อยู่ ติดกับ ด้าน ทิศเหนือ ของ ที่ดิน โฉนด เลขที่ 40067 ตำบล แหลมบัว อำเภอ นครชัยศรี จังหวัด นครปฐม ของ โจทก์ เดิม ที่ดิน ดังกล่าว เป็น ส่วน หนึ่ง ของ ที่ดิน ของ จำเลย ซึ่ง ด้าน ทิศใต้ อยู่ ติด ที่ดินของ โจทก์ และ ทิศเหนือ อยู่ ติด ถนน จำเลย ได้ ยก ที่ดิน ของ จำเลย ทั้งหมดให้ ทางราชการ เพื่อ ขยาย ถนน แต่ ทางราชการ เพิ่ง ขยาย ถนน ใน ปี 2534และ ใช้ ที่ดิน ของ จำเลย ขยาย ถนน ไม่ หมด จำเลย จึง นำ ดิน และ ทราย ไป ถมกอง และ นำ ต้นมะม่วง ไป ปลูก ไว้ ใน ที่ดิน ส่วน ที่ เหลือ ซึ่ง อยู่ ติดกับที่ดิน ด้าน ทิศเหนือ ของ โจทก์ ดังกล่าว
คดี มี ปัญหา ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกา ของ จำเลย ว่า โจทก์ มีอำนาจ ฟ้องคดี นี้ หรือไม่ ใน ปัญหา นี้ ที่ จำเลย ฎีกา ว่า ที่ดิน ของ โจทก์ มิได้อยู่ ติดกับ ทางสาธารณะ มา แต่ เดิม ที่ดิน ของ โจทก์ เพิ่ง ติด ทางสาธารณะเมื่อ จำเลย ยก ที่ดิน ของ จำเลย ให้ แก่ ทางราชการ เพื่อ ตัด เป็น ทางสาธารณะแต่ ทางราชการ ใช้ ที่ดิน ที่ จำเลย บริจาค ตัด เป็น ทางสาธารณะ ไม่ หมด จำเลยใช้ สิทธิ ครอบครอง ใน ที่ดิน ส่วน ที่ เหลือ โจทก์ ไม่ได้ รับ ความเสียหายเดือดร้อน เกินกว่า ปกติ นั้น เห็นว่า แม้ ข้อเท็จจริง ฟังได้ ว่าจำเลย เคย เป็น เจ้าของ ที่ดินพิพาท มา ก่อน โดย ที่ดินพิพาท เป็นส่วน หนึ่ง ของ ที่ดิน ของ จำเลย ที่ จำเลย ยกให้ ทางราชการ เพื่อ ตัด เป็นถนน สาธารณะ แล้ว เหลือ จาก การ ตัด ใช้ เป็น ถนน สาธารณะ ก็ ตาม แต่เมื่อจำเลย ได้ ยก ที่ดิน ของ จำเลย ทั้งหมด ให้ แก่ ทางราชการ เช่นนั้นก็ ย่อม ทำให้ ที่ดิน ที่ จำเลย ยกให้ แก่ ทางราชการ ทั้งหมด ตกเป็น ที่ดินสาธารณประโยชน์ ซึ่ง เป็น สาธารณสมบัติของแผ่นดิน และ แม้ ทางราชการไม่ได้ ใช้ ที่ดิน ทั้งหมด ที่ จำเลย ยกให้ เป็น ถนน สาธารณะ โดย ยัง คงเหลือส่วน ของ ที่ดินพิพาท ซึ่ง อยู่ ติดกับ ที่ดิน ด้าน ทิศเหนือ ของ โจทก์ เป็นที่ว่าง ระหว่าง ที่ดิน ของ โจทก์ กับ ถนน สาธารณะ ที่ดินพิพาท นั้น ก็ยัง คง เป็น สาธารณสมบัติของแผ่นดิน อยู่ ดังนั้น แม้ เดิม ที่ดินของ โจทก์ มิได้ อยู่ ติดกับ ถนน สาธารณะ และ ที่ดิน สาธารณประโยชน์ อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โดย ที่ดิน ของ โจทก์ เพิ่ง มา ติดกับที่ดิน สาธารณประโยชน์ ซึ่ง อยู่ ติดกับ ถนน สาธารณะ ต่อเมื่อ จำเลยยก ที่ดิน ของ จำเลย ทั้งหมด รวมทั้ง ที่ดินพิพาท ให้ แก่ ทางราชการ เพื่อตัด ถนน สาธารณะ ก็ ตาม โจทก์ ก็ ย่อม มีสิทธิ เดิน ผ่าน ที่ดิน สาธารณประโยชน์อันเป็น สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ดังกล่าว เข้า ออกจาก ที่ดิน ของโจทก์ ไป สู่ ถนน สาธารณะ และ นำ รถยนต์ ผ่าน เข้า ออกจาก ที่ดิน ของ โจทก์ไป สู่ ถนน สาธารณะ นั้น ได้ ที่ โจทก์ นำสืบ ว่าการ ที่ จำเลย นำ ดิน และ ทรายมา ถม กอง และ ปลูก ต้น ไม้ ไว้ ใน ที่ดินพิพาท อันเป็น ที่ดิน สาธารณประโยชน์ซึ่ง เป็น สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ระหว่าง ที่ดิน ของ โจทก์ และถนน สาธารณะ ทำให้ โจทก์ ใช้ ประโยชน์ เข้า ออกจาก ที่ดิน ของ โจทก์ไม่ สะดวก และ นำ รถ เข้า ออกจาก ที่ดิน ของ โจทก์ ไม่ได้ นั้น จำเลย เองเบิกความ ตอบ ทนายโจทก์ ถาม ค้าน รับ ว่า โจทก์ เดิน เข้า ออก ได้แต่ ไม่ สะดวก และ นำ รถ เข้า ออก ไม่ได้ ข้อเท็จจริง จึง ฟังได้ ว่าการกระทำ ดังกล่าว ของ จำเลย เป็น การ ปิดบัง หน้าที่ ดิน ด้าน ทิศเหนือของ โจทก์ และ ปิดบัง ทาง เข้า ออกจาก ที่ดิน ของ โจทก์ ไป สู่ ถนน สาธารณะทำให้ โจทก์ ขาด ความสะดวก ใน การ ใช้ ที่ดิน ด้าน ทิศเหนือ ของ โจทก์เป็น ทาง เข้า ออกจาก ที่ดิน ของ โจทก์ ผ่าน ที่ดิน สาธารณประโยชน์ อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สู่ ถนน สาธารณะ อัน ทำให้ โจทก์ ไม่สามารถใช้ หรือ ได้รับ ประโยชน์ จาก ที่ดิน สาธารณสมบัติของแผ่นดิน นั้น ได้โดย สะดวก ถือได้ว่า โจทก์ ได้รับ ความเสียหาย เป็น พิเศษ มีสิทธิฟ้องขับไล่ จำเลย เป็น คดี นี้ ได้ ฎีกา ของ จำเลย ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share