คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกรวม 3 คน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะขับขี่ขึ้นมาเคียงคู่กับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายที่กำลังวิ่งอยู่บนถนน พวกของจำเลยคนหนึ่งใช้มือจับแขนผู้เสียหายซึ่งกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ แล้วจำเลยดึงคอเสื้อ จนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายเซ และกระชากเอาสร้อยคอของผู้เสียหายไป ถือได้ว่าจำเลยกับพวกร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหาย เพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่หลบหนีอีก 2 คนมีปืนเป็นอาวุธ ร่วมกันปล้นทรัพย์เอาสร้อยคอทองคำและพระเครื่องของผู้เสียหายไปโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340, 340 ตรี, 83 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 14, 15

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยเป็นคนร้ายปล้นทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายและขู่เข็ญจะใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหาย และโดยมีอาวุธปืน พิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340, 340 ตรี, 83 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 14, 15 จำคุก 18 ปีลดรับสารภาพในชั้นสอบสวนให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 12 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้เสียหายและนางสาวมัณฑนาเป็นพยานเบิกความตรงกันว่า คนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์โดยนั่งซ้อนท้ายกันมารวม 3 คน เมื่อรถแล่นขึ้นมาเคียงคู่กับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย คนนั่งกลางเอื้อมมือจับแขนผู้เสียหาย คนนั่งซ้อนท้ายสุดคือจำเลยเป็นคนดึงคอเสื้อผู้เสียหายและกระชากเอาสร้อยคอไป ผู้เสียหายกับนางสาวมัณฑนามีโอกาสเห็นหน้าจำเลยหลายครั้งเพราะแสงไฟของรถจักรยานยนต์ โดยเฉพาะเวลาที่จำเลยกระชากสร้อย นางสาวมัณฑนาเห็นหน้าจำเลยในระยะศอกเศษ ยิ่งกว่านั้นหลักเกิดเหตุเพียง 3 วัน ผู้เสียหายไปพบเห็นจำเลย ได้แจ้งให้ตำรวจจับ แสดงว่าผู้เสียหายจำจำเลยได้แม่นยำ ทั้งยังมีนางสาวมัณฑนามายืนยันอีก ฟังได้ว่าผู้เสียหายและนางสาวมัณฑนาจำจำเลยได้ การที่จำเลยกับพวกรวม 3 คนใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะขับขี่ขึ้นมาเคียงคู่กับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย พวกของจำเลยคนหนึ่งใช้มือจับแขนผู้เสียหายซึ่งกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ แล้วจำเลยดึงคอเสื้อจนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายเซ และกระชากสร้อยคอของผู้เสียหายไปเช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยกับพวกร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายเพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์ เมื่อผู้เสียหายตามจำเลยไป จำเลยถกเสื้อขึ้นพร้อมกับเอามือกำด้ามปืน และเมื่อตำรวจจับจำเลย ก็ค้นอาวุธปืนได้จากจำเลย จำเลยจึงกระทำความผิดโดยมีอาวุธปืนและใช้ยานพาหนะ เพื่อกระทำผิด

พิพากษายืน

Share