แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องว่าจำเลยปลอมหนังสือแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) ได้ความว่า เอกสารแจ้งการครอบครองนั้น จำเลยนำยื่นเอง ลงชื่อจำเลยเอง ระบุว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครอง เป็นเอกสารของจำเลยอันแท้จริง ส่วนข้อความที่แจ้งจะถูกต้องหรือไม่ เป็นแต่เรื่องแจ้งเท็จ มิใช่ปลอมหนังสือของใคร หรือตั้งใจให้เป็นหนังสือของคนอื่นหาเป็นการปลอมหนังสือไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ สมคบกับจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ปลอมแปลงหนังสือแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.๑) อันเป็นเอกสารสิทธิขึ้นใหม่ทั้งฉบับ โดยลงวันเดือนปีย้อนหลัง ลงชื่อนางพับภริยาจำเลยที่ ๒ กับชื่อจำเลยที่ ๓ เป็นเจ้าของที่ดินซึ่งเป็นที่ดินของโจทก์ เพื่อให้ที่ดินแปลงนี้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ ๓ และนางพับ ต่อมาจำเลยที่ ๒-๓ ได้นำเอกสารสิทธิดังกล่าวไปให้จำเลยที่ ๔-๕ กับผู้อื่นลงชื่อเป็นพยานโดยจำเลยที่ ๔-๕ รู้ว่าเป็นเอกสารปลอม แล้วจำเลยที่ ๑-๒-๓-๔-๕ ได้นำเอกสารที่ทำปลอมแปลงนั้นไปแจ้งแก่จำเลยที่ ๖ ซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ จำเลยที่ ๖ ได้รับแจ้งไว้โดยรู้ว่าเอกสารสิทธินั้นทำขึ้นโดยมิชอบ ต่อมาจำเลยที่ ๑ ได้นำเอสารสิทธินั้นมาระบุอ้างเป็นพยานในคดีแพ่ง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๔,๒๖๕,๒๖๖,๒๖๗,๒๖๘ และ ๘๓
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าไม่ใช่เป็นการปลอมหนังสือพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาในข้อกฎหมายว่า หนังสือแจ้งสิทธิการครอบครองที่ดิน (ส.ค.๑) ที่ทำขึ้นผิดความจริง โดยเขียนย้อนหลังไปลงใน พ.ศ. ๒๔๙๘ ผู้อาศัยที่ดินของคนอื่นทำขึ้นเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิในกฎหมายที่ดิน จะเป็นการปลอมหนังสือหรือไม่
ศาลฎีกาเห็นว่า เอกสารแจ้งการครอบครองนั้น จำเลยนำยื่นเอง ลงชื่อจำเลยเอง ระบุว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครอง เป็นเอกสารของจำเลยอันแท้จริง ส่วนข้อความที่แจ้งจะถูกต้องหรือไม่ เป็นแต่เรื่องแจ้งเท็จ มิใช่ปลอมหนังสือของใครหรือตั้งใจจะให้เป็นหนังสือของคนอื่น หาเป็นการปลอมหนังสือไม่ พิพากษายืน