คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1171/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยสั่งจ่ายเช็คให้ ท. เพื่อชำระหนี้ ท. สลักหลังเช็คโอนให้โจทก์เพื่อชำระหนี้อีกต่อหนึ่ง เมื่อโจทก์เป็นผู้ทรงโดยชอบ จำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ แม้ต่อมาศาลได้พิพากษาให้ทำลายเช็คนั้นแล้วก็ดี หรือโจทก์จะฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา ฐานออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค แต่ศาลพิพากษายกฟ้องแล้วก็ดีก็ไม่ทำให้จำเลยหลุดพ้นจากความรับผิดทางแพ่งตามเช็คนั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยออกเช็คลงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๑๒ สั่งจ่ายให้แก่นายทรัพย์หรือผู้ถือ จำนวนเงิน ๑๗,๐๐๐ บาท ต่อมานายทรัพย์สลักหลังโอนให้โจทก์เมื่อเช็คถึงกำหนด โจทก์ได้นำเช็คเข้าบัญชีเพื่อเบิกเงิน แต่จำเลยสั่งระงับการจ่ายเงินเป็นการผิดนัด ขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันเช็คถึงกำหนดจนกว่าจะชำระเงินเสร็จให้โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยได้ฟ้องนายทรัพย์ ขอให้สั่งทำลายเช็คตามฟ้อง ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาให้ทำลายเช็คฉบับดังกล่าว และโจทก์ได้ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยศาลพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด จำเลยไม่ต้องรับผิด
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ให้ทำลายเช็คไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก และเป็นผู้ทรงเช็คโดยสุจริตก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษาดังกล่าว พิพากษาให้จำเลยใช้เงินตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นายทรัพย์ขายเทวรูปให้จำเลยเป็นเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท จำเลยชำระเงินสด ๑๓,๐๐๐ บาท อีก ๑๗,๐๐๐ บาท จำเลยได้จ่ายเป็นเช็คลงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๑๒ ครั้นวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๑๒นายทรัพย์สลักหลังเช็คให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ หลังจากซื้อเทวรูปจากนายทรัพย์แล้ว ปรากฏว่าเป็นเทวรูปปลอม จำเลยจึงทวงเงินและเช็คคืนจากนายทรัพย์ แล้วได้อายัดเช็คต่อธนาคาร ต่อมาวันที่ ๓๑ตุลาคม ๒๕๑๒ โจทก์นำเช็คไปขึ้นเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์ร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับจำเลย พนักงานอัยการฟ้องจำเลย ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด ในขณะเดียวกันจำเลยได้ฟ้องนายทรัพย์ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้นายทรัพย์คืนเงินและเช็คให้แก่จำเลย หากไม่สามารถคืนเช็คได้ ให้ทำลายเสีย คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คให้แก่นายทรัพย์เพื่อชำระหนี้ย่อมต้องรับผิดตามเช็ค เมื่อโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบเพราะนายทรัพย์สลักหลังโอนให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๖๗ ประกอบด้วยมาตรา ๙๘๙ ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ว่า ศาลพิพากษาให้ทำลายเช็คหรือที่อ้างว่า ศาลยกฟ้องในคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาฐานออกเช็คไม่มีเงิน เพราะกรณีไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น หาใช่เป็นข้อที่จำเลยจะพ้นจากความรับผิด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยเรื่องเช็คไปได้ไม่
พิพากษายืน

Share