แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6) คำฟ้องจะต้องอ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิด โจทก์บรรยายฟ้องมาแจ้งชัดแล้วว่า จำเลยร่วมกันส่งยาเสพติดให้โทษเฮโรอีนไปจำหน่ายนอกราชอาณาจักร และอ้างบทมาตรา 4 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯอันเป็นบทห้ามกระทำผิดมาด้วย แม้จะไม่ได้อ้างบทลงโทษมาก็ย่อมลงโทษจำเลยตามมาตรา 20 วรรคสี่ได้ ไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ (อ้างฎีกาที่ 1866/2519 ประชุมใหญ่)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และร่วมกันส่งไปจำหน่ายนอกราชอาณาจักร ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 4, 4 ทวิ, 14, 20 ทวิ, 20 ตรี, 27, 29 ฯลฯ
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 ทวิ, 20 ตรี ให้ลงโทษตามมาตรา 20 ทวิจำคุก คนละ 6 ปี ข้อหาอื่นให้ยก
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 ทวิ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาว่า ตามคำขอท้ายฟ้องอ้างมาตรา 20 ตรี เป็นการอ้างกฎหมายผิด ขอให้ลงโทษตามมาตรา 2 ด้วย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6)บัญญัติว่า คำฟ้องจะต้องอ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิด คดีนี้โจทก์บรรายฟ้องมาแจ้งชัดแล้วว่า จำเลยร่วมกันส่งยาเสพติดให้โทษเฮโรอีนไปจำหน่ายนอกราชอาณาจักร และอ้างบทมาตรา 4 ทวิ อันเป็นบทห้ามกระทำผิดมาด้วย ดังนี้ แม้โจทก์จะมิได้อ้างบทลงโทษมาก็ย่อมลงโทษจำเลยตามมาตรา 20 วรรคสี่ได้ ไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ ตามนัยคำพิพากษาฎีกาประชุมใหญ่ที่ 1866/2519
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 ทวิฯ และมาตรา 20 วรรคสี่ฯ อันเป็นความผิดหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 20 วรรคสี่ อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสอง แต่คำเบิกความของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 ให้จำคุกจำเลยทั้งสองไว้ตลอดชีวิต ไม่สมควรให้นับโทษต่อ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์