คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1170/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญาประนีประนอมในศาลว่าจะไปดำเนินการขอออกโฉนด แต่ไม่ได้ไปโจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลให้เรียกจำเลยมาสอบถาม จำเลยมาแถลงต่อศาลว่าจะไปดำเนินการออกโฉนดแต่แล้วจำเลยไม่ได้ไปดำเนินการตามกำหนด เช่นนี้ จะถือว่าจำเลยขัดขืนไม่ปฏิบัติตามคำบังคับของศาลไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่จำเลยแถลงเอง ศาลไม่ได้สั่งหรือบังคับให้จำเลยดำเนินการ เมื่อไม่ใช่คำสั่งคำบังคับของศาล และจำเลยไม่ปฏิบัติตามจะถือว่าจำเลยขัดขืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งคำบังคับของศาลไม่ได้ ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยตามคำร้องของโจทก์จึงไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลมีใจความว่าจำเลยจะไปยื่นคำขอออกโฉนดต่อพนักงานที่ดินภายใน ๑ เดือนนับแต่วันทำสัญญายอม หากจำเลยไม่ยอมโอนให้โจทก์ จำเลยให้ถือเอาคำพิพากษาและสัญญายอมเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย ถ้าออกโฉนดไม่ได้ด้วยเหตุใด ๆ ก็ดี จำเลยยอมคืนเงินมัดจำและใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ เมื่อทำสัญญายอมแล้วจำเลยได้ไปดำเนินการขอออกหนังสือสำคัญที่ดินที่ที่ทำการอำเภอแล้วก็เกิดข้อพิพาทในเรื่องที่พิพาทกับบุคคลอื่น ในที่สุดศาลฎีกาพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย โจทก์จึงได้ยื่นคำแถลงต่อศาลให้ศาลเรียกตัวจำเลยมาสอบถามว่าจะไปจัดดำเนินการขอออกโฉนดและโอนขายที่พิพาทให้แก่โจทก์ได้เมื่อใด ศาลได้ออกหมายเรียก จำเลยมาศาลและแถลงว่าจะไปดำเนินการออกโฉนดให้โจทก์ที่อำเภอในวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๑๒ แต่แล้วจำเลยยื่นอุทธรณ์ว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยไปทำการออกโฉนดในวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๑๒ นั้น เป็นการไม่ชอบ ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ โดยให้เหตุผลว่า จำเลยแถลงยอมไปดำเนินการออกโฉนดเอง ศาลมิได้มีคำสั่งจึงไม่มีข้อโต้แย้งหรือมีเรื่องที่จะต้องใช้สิทธิทางศาล จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ และโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายจับจำเลยมากักขังเพื่อบังคับคดี เพราะจำเลยจงใจไม่ไปอำเภอตามนัดและประวิงการบังคับคดีให้ล่าช้า ศาลชั้นต้นได้ออกหมายจับจำเลย ต่อมาจำเลยมามอบตัวและขอประกันตัวศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้จำเลยมีประกันตัวไปในวันนั้น จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่มีเจตนาละเมิดอำนาจศาลหรือคำสั่งศาลที่จำเลยไม่ไปอำเภอในวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๑๒ ก็เพราะจำเลยได้ใช้สิทธิของจำเลยทางศาลโดยยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยไปออกโฉนด โจทก์อุทธรณ์คัดค้านที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยมีประกันตัว ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยแถลงว่าจะไปดำเนินการออกโฉนดเอง ศาลชั้นต้นไม่ได้สั่งจึงไม่มีข้อโต้แย้งหรือเรื่องที่จะใช้สิทธิทางศาล ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์นั้นชอบแล้ว ประเด็นข้อนี้ยุติโดยไม่มีฝ่ายใดโต้แย้ง ส่วนประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์ว่า ศาลออกหมายจับจำเลยไม่ชอบ และโจทก์อุทธรณ์ว่า ศาลชั้นต้นให้จำเลยประกันตัวไม่ได้นั้น ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ศาลชั้นต้นไม่ได้สั่งให้จำเลยไปดำเนินการออกโฉนด จะถือว่าจำเลยขัดขืนคำสั่งศาลไม่ได้ ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยตามคำร้องของโจทก์จึงเป็นการไม่ชอบ ส่วนประเด็นในเรื่องที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยประกันตัวนั้น ศาลอุทธรณ์เห็นว่าศาลชั้นต้นมีอำนาจให้ประกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๐๐
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่จำเลยแถลงต่อศาลว่าจะไปดำเนินการออกโฉนดที่ดินที่ว่าการอำเภอบางประกงในวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๑๒ นั้นเป็นเรื่องที่จำเลยแถลงเอง ศาลมิได้สั่งหรือบังคับให้จำเลยไปดำเนินการดังกล่าว เมื่อไม่ใช่คำสั่งคำบังคับของศาล จำเลยไม่ไปจะถือว่าจำเลยขัดขืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งคำบังคับของศาลไม่ได้ ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยจึงไม่ชอบ เมื่อวินิจฉัยว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้จับกุมจำเลยมากักขังเพื่อบังคับคดีเป็นการไม่ชอบแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ข้อนี้ต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งให้ออกหมายจับจำเลยและคำสั่งที่ให้จำเลยมีประกันเสียนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา ๑๐๐ บาทแทนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

Share