แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มีกำหนดโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 5 ปี คู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้ไม่ได้ต้องห้ามตาม พ.ร.บ. อุทธรณ์มาตรา 3 เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องอุทธรณ์ไม่ต้องห้ามแล้วก็มีอำนาจย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้ออุทธรณ์นั้นเสียใหม่ได้ตัดสิน ถ้ากรณีเกี่ยวเนื่องกัน เมื่อศาลฎีกาย้อนฎีกาย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยฎีกาข้อหนึ่งใหม่ก็มีอำนาจให้ลดรอฎีกาอีกข้อหนึ่งไว้วินิจฉัยในภายหลังได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสมคบกับ ม. ซึ่งศาลลงโทษไปแล้วกับพวกอีก ๒ คนซึ่งยังจับตัวไม่ได้ มีฝิ่นเถื่อนโดยมิได้รับอนุญาต และใช้อาวุธปืนขู่เข็ญจะยิงพลตำรวจ เพื่อขัดขวางมิให้ทำการจับกุมตามหน้าที่ ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ฝิ่นและกฎหมายลักษณอาชญามาตรา ๑๒๐
ศาลเดิมพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ปรับจำเลยฐานมีฝิ่นเถื่อน ส่วนข้อต่อสู้เจ้าพนักงานไม่รับวินิจฉัย อ้างว่าต้องห้ามตามพ.ร.บ.อุทธรณ์ พ.ศ.๒๔๗๓ มาตรา ๓
โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า รูปคดีเข้ามาตรา ๑๒๐ ตอน ๒ ซึ่งกำหนดโทษจำคุก ๓ เดือน ถึง ๕ ปี อุทธรณ์ของโจทก์จึงไม่ต้องห้ามตาม พ.ร.บ.อุทธรณ์ พ.ศ.๒๔๗๓ ม.๓ จึงย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาในข้อนี้ใหม่ ส่วนข้อที่จำเลยฎีกาฐามีฝิ่นเถื่อน ศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยภายหลังเพราะเป็นกรณีเกี่ยวข้องกัน