คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1168/2504

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

รูปคดีที่แสดงว่าเป็นตัวแทนกัน
เมื่อผู้ซื้อจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือใบเสร็จรับเงินของผู้ขายเป็นการชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 318 แล้ว ปัญหาเรื่องการตั้งตัวแทนเพื่อให้รับเงินจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือก็ตกไป

ย่อยาว

คดีนี้จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ได้ความว่า จำเลยที่ ๑ ไปเสนอขายเก้าอี้แก่จำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ ไม่ชอบแบบก็บอกให้ทราบว่าต้องการชนิดใด จำเลยที่ ๑ จึงพารองผู้จัดการของโจทก์ไปติดต่อขายเก้าอี้ รายพิพาทให้แก่จำเลยที่ ๒ โดยรองผู้จัดการของโจทก์ได้ทำสัญญากับจำเลยที่ ๑ ยอมคิดค่าเก้าอี้จากจำเลยที่ ๑ ตัวละ ๑๐๔ บาท เพื่อจำเลยที่ ๑ นำไปเสนอขายแก่จำเลยที่ ๒ ตัวละ ๑๑๐ บาท เมื่อจำเลยที่ ๒ ตกลงซื้อเก้าอี้ จำเลยที่ ๑ ได้เป็นผู้วางมัดจำโดยมอบเช็คซึ่งจำเลยที่ ๑ เป็นผู้สั่งจ่ายให้โจทก์ ต่อมาจำเลยที่ ๑ มารับเก้าอี้รวม ๒ คราว จำเลยที่ ๑ ออกเช็คในนามของตนเป็นผู้สั่งจ่ายให้โจทก์เป็นการชำระราคา โจทก์ก็มอบใบเสร็จรับเงินสดให้แก่จำเลยที่ ๑ เพื่อไปเบิกจากจำเลยที่ ๒ เมื่อจำเลยที่ ๒ ได้รับเก้าอี้ถูกต้องและจำเลยที่ ๑ มีใบเสร็จรับเงินของโจทก์มาแสดงเป็นหลักฐาน จำเลยที่ ๒ ก็จ่ายเงินค่าเก้าอี้ให้แก่จำเลยที่ ๑ ไป เช็ค ๒ ฉบับหลังนี้ โจทก์รับเงินไม่ได้
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๑ เป็นตัวแทนโจทก์ในการรับเงินที่จำเลยที่ ๒ ชำระ เมื่อโจทก์รับเงินตามเช็คไม่ได้ จำเลยที่ ๒ ยังต้องรับผิดตามมูลหนี้ร่วมกับจำเลยที่ ๑ พิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระค่าเก้าอี้และดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องเกี่ยวกับจำเลยที่ ๒
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า พฤติการณ์ดังได้ความข้างต้นแสดงให้เห็นว่าโจทก์ไว้เนื้อเชื่อใจในจำเลยที่ ๑ เป็นส่วนตัวทั้งสิ้น รูปคดีแสดงไปในทางที่ว่าจำเลยที่ ๑ เป็นตัวแทนของโจทก์ การชำระหนี้ของจำเลยที่ ๒ สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๑๘ แล้ว หาต้องรับผิดต่อโจทก์อีกไม่ และเมื่อจำเลยที่ ๒ จ่ายเงินให้แก่ผู้ถือใบเสร็จรับเงินของโจทก์เป็นการชอบด้วยมาตรา ๓๑๘ แล้ว ปัญหาว่าการตั้งตัวแทนเพื่อให้รับเงินต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือก็ตกไป ในที่สุด พิพากษายืน

Share