คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11666/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกร่วมกันบุกรุกเข้าไปในบ้านพักอาศัยของผู้เสียหายที่ 1 แล้วชกต่อยผู้เสียหายที่ 2 แสดงว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาแต่แรกเพียงที่จะทำร้ายผู้เสียหายที่ 2 เท่านั้น แต่ภายหลังจำเลยชกต่อยกับผู้เสียหายที่ 2 แล้ว จำเลยเรียก ว. เข้ามายิงผู้เสียหายที่ 2 ในขณะผู้เสียหายที่ 2 ล้มนอนบนพื้น การที่ ว. ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายที่ 2 จึงเป็นเจตนาที่เกิดขึ้นภายหลัง การกระทำของจำเลยกับพวกในความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นและร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยพลาด กับความผิดฐานร่วมกันบุกรุก จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83, 91, 288, 364, 365 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว จำเลยขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพในข้อหาร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย ส่วนข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 364, 365 (1) (2) (3), 371 ประกอบมาตรา 60, 80, 83 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้ายและโดยมีอาวุธ จำคุก 2 ปี ฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นและฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยพลาด เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ซึ่งแต่ละบทมีระวางโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าผู้อื่นเพียงบทเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุก 15 ปี ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 6 เดือน ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและไม่มีเหตุสมควร เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด จำคุก 6 เดือน ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้ายและโดยมีอาวุธ คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน ฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น คงจำคุก 10 ปี ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต คงจำคุก 4 เดือน ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและไม่มีเหตุสมควร คงจำคุก 4 เดือน รวมจำคุก 11 ปี 12 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 295 ประกอบมาตรา 60, 83, 365 (1) (2) (3) ประกอบมาตรา 362, 83 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้ายและโดยมีอาวุธซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในความผิดฐานนี้เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา กรณีมีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี เมื่อรวมกับโทษฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตแล้ว เป็นจำคุก 1 ปี 8 เดือน ยกฟ้องโจทก์ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้แย้งกันในชั้นฎีการับฟังเป็นยุติว่า วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 19 นาฬิกา จำเลยกับพวกรวม 4 ถึง 5 คน ขับรถจักรยานยนต์มาหน้าบ้านผู้เสียหายที่ 1 แล้วเกิดเรื่องไม่พอใจกับผู้เสียหายที่ 2 กับพวก แต่ไม่ได้ทำร้ายกัน หลังจากนั้นเวลาประมาณ 22 ถึง 23 นาฬิกา จำเลยพานายวีรพงศ์หรือบอย มาที่บ้านเกิดเหตุอีก จำเลยเรียกผู้เสียหายที่ 2 ให้ออกมาจากบ้าน แต่ผู้เสียหายที่ 2 ไม่ยอมออกมา จำเลยจึงเข้าไปในบ้านลากตัวผู้เสียหายที่ 2 แต่ผู้เสียหายที่ 2 ขัดขืน จึงเกิดการชกต่อยกัน จำเลยตะโกนเรียกนายวีรพงศ์ให้เข้ามาช่วย นายวีรพงศ์ถืออาวุธปืนลูกซองสั้นเข้ามายิง 1 นัด กระสุนปืนถูกพื้น กับเศษกระสุนปืนถูกผู้เสียหายที่ 2 ที่ขาขวาและกระสุนปืนพลาดไปถูกผู้เสียหายที่ 3 ที่แขนซ้าย เป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ 2 และที่ 3 ได้รับอันตรายแก่กาย แล้วจำเลยกับนายวีรพงศ์เข้าไปเตะผู้เสียหายที่ 2 ก่อนที่จะหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุไปโดยจำเลยเป็นตัวการร่วมกันกระทำความผิด สำหรับความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และฐานร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้ายและโดยมีอาวุธ ยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยกับพวกในความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นและร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยพลาดกับความผิดฐานร่วมกันบุกรุกเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันหรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่า จำเลยกับพวกมีเจตนาแต่แรกที่จะบุกรุกเข้าไปทำร้ายผู้เสียหายที่ 2 แต่เมื่อเกิดการชกต่อยกันแล้วจำเลยถูกผู้เสียหายที่ 2 ชกโต้ตอบจึงเกิดความโกรธแค้นและมีเจตนาฆ่าในภายหลัง จำเลยกับพวกมีเจตนาบุกรุกและเจตนาฆ่าแยกต่างหากจากกัน จึงเป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน นั้น เห็นว่า การที่จำเลยกับพวกร่วมกันบุกรุกเข้าไปในบ้านพักอาศัยของผู้เสียหายที่ 1 แล้วชกต่อยผู้เสียหายที่ 2 แสดงว่าจำเลยกับพวกจะมีเจตนาแต่แรกเพียงที่จะทำร้ายร่างกายผู้เสียหายที่ 2 เท่านั้น แต่ภายหลังจำเลยชกต่อยกับผู้เสียหายที่ 2 แล้ว จำเลยเรียกนายวีรพงศ์เข้ามายิงผู้เสียหายที่ 2 ในขณะที่ผู้เสียหายที่ 2 ล้มนอนบนพื้น การที่นายวีระพงศ์ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายที่ 2 จึงเป็นเจตนาที่เกิดขึ้นในภายหลัง การกระทำของจำเลยกับพวกในความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นและร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยพลาดกับความผิดฐานร่วมกันบุกรุกจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 วินิจฉัยว่าเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ฟังขึ้นเช่นกัน
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 และมาตรา 288, 80 ประกอบมาตรา 60, 83 อีกกระทงหนึ่งซึ่งเป็นความผิดต่างกรรมกับความผิดฐานร่วมกันบุกรุกในเคหสถานในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้ายและโดยมีอาวุธปืน ความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นและฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยพลาดเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่ละบทมีระวางโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น จำคุก 10 ปี ฐานร่วมกันบุกรุกในเคหสถานในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้ายและโดยมีอาวุธปืน จำคุก 2 ปี ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น จำคุก 6 ปี 8 เดือน ฐานร่วมกันบุกรุกในเคหสถานในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้ายและโดยมีอาวุธปืน จำคุก 1 ปี 4 เดือน เมื่อรวมกับโทษฐานร่วมกันมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และฐานร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตแล้ว เป็นจำคุก 7 ปี 20 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8

Share