คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1164/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยได้เข้าครอบครองทำนาตั้งแต่ก่อนวันใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน และจำเลยมีสิทธิครอบครองอยู่ตลอดมา ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 ระบุว่า ที่ดินของรัฐนั้น ถ้ามิได้มีสิทธิครอบครอง ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปยึดถือครอบครอง เมื่อจำเลยมีสิทธิครอบครองอยู่ดังว่าแล้ว ก็ไม่ต้องห้ามมาตรา 9 จึงลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108 ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยบุกรุกทำลายหนองสาธารณะ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๐ , ๓๖๒, ๓๖๕ พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๑๗, ๒๒ ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๙, ๑๐๘
จำเลยต่อสู้ว่า ไม่ใช่หนองสาธารณะ เป็นที่ ๆ จำเลยครอบครองมา
ศาลแขวงข่อนแก่นไต่สวนแล้ว ฟังว่า ที่พิพาทอยู่ในเขตหนองสาธารณะจำเลยเข้าไปยึดถือครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต พิพากษาว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๙, ๑๐๘ ปรับคนละ ๒๐๐ บาท
จำเลยที่ ๑ ถึง ๕ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยต่างเข้าครอบครองที่พิพาทก่อนใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีไม่เข้ามาตรา ๙ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน จำเลยไม่มีความผิดโดยที่เป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิพากษาถึงจำเลยที่ ๖ ซึ่งมิได้อุทธรณ์ได้ด้วย จึงพิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ปล่อยจำเลยทุกคน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว คดีนี้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวง ฯ พ.ศ. ๒๔๙๙ มาตรา ๒๒ ห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง เพราะศาลแขวงลงโทษปรับจำเลยคนละ ๒๐๐ บาท ศาลฎีกาคงวินิจฉัยเฉพาะข้อกฎหมายเท่านั้น เห็นว่า ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยได้เข้าครอบครองทำนาตั้งแต่ก่อนวันใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน และจำเลยมีสิทธิครอบครองอยู่ตลอดมา ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๙ ระบุว่า ที่ดินของรัฐนั้น ถ้ามิได้มีสิทธิครอบครอง ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปยึดถือครอบครอง เมื่อจำเลยมีสิทธิครอบครองอยู่ดังว่าแล้ว ก็ไม่ต้องห้ามมาตรา ๙ จึงลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๙, ๑๐๘ ไม่ได้ ศาลฎีกาพิพากษายืน

Share