แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เช็คที่ขีดฆ่าคำว่า “หรือผู้ถือ” ออก และด้านหน้าบนซ้ายของเช็คมีตราประทับเป็นอักษรภาษาอังกฤษว่า “เอซีเปยี่โอนลี่”(A/CPAYERONLY) เป็นเช็คเปลี่ยนมือไม่ได้ ผู้รับเงินจะต้องนำเข้าบัญชีของตน หากจะโอนให้ผู้อื่นได้ก็แต่โดยรูปการและด้วยผลอย่างการโอนสามัญ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 306วรรคหนึ่ง ดังที่มาตรา 917 วรรคสอง ประกอบมาตรา 989 บัญญัติไว้ซึ่งต้องทำเป็นหนังสือจึงจะสมบูรณ์ และจะยกขึ้นต่อสู้บุคคลภายนอกได้ แต่เมื่อได้บอกกล่าวการโอนเป็นหนังสือไปยังลูกหนี้ หรือลูกหนี้ยินยอมเป็นหนังสือในการโอนนั้น ดังนั้นแม้จำเลยที่ 3 ผู้ทรงเช็คพิพาทจะได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความชำระหนี้ให้โจทก์ด้วยเช็คพิพาท และศาลพิพากษาตามยอมในคดีดังกล่าวแล้วก็ตาม เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้แจ้งการโอนเช็คพิพาทในคดีดังกล่าวไปให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ผู้สั่งจ่ายทราบเป็นหนังสือ หรือจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ยินยอมเป็นหนังสือในการโอนเช็คพิพาท โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทที่จะใช้สิทธิไล่เบี้ย เอาแก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ผู้สั่งจ่ายซึ่งเป็นผู้เขียนข้อความทำนองเปลี่ยนมือไม่ได้ดังกล่าว จำเลยที่ 1 ที่ 2จึงไม่ต้องรับผิดชดใช้เงินตามเช็คพิพาทให้โจทก์.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัด สาขาปากช่อง ลงวันที่ 14 ตุลาคม 2527 จำนวนเงิน 100,000บาท โดยจำเลยที่ 1 ที่ 2 ลงชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายแก่จำเลยที่ 3และจำเลยที่ 3 เป็นผู้อาวัลมอบให้โจทก์เป็นการชำระหนี้ โจทก์แจ้งให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ทราบแล้ว โจทก์นำไปเรียกเก็บเงินธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2527 ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การว่า ได้สั่งจ่ายเช็คพิพาทให้จำเลยที่ 3 โดยเฉพาะและมีคำสั่งห้ามโอน จำเลยที่ 3 โอนเช็คพิพาทแก่โจทก์ โดยมิใช่การโอนอย่างสามัญจึงไม่สมบูรณ์ จำเลยที่ 1ที่ 2 มิได้ยินยอมเป็นหนังสือและโจทก์มิได้แจ้งการโอนให้จำเลยที่ 1ที่ 2 ทราบ จึงยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่ได้ ขอให้ยกฟ้อง
ก่อนจำเลยที่ 3 ยื่นคำให้การ โจทก์ยื่นคำบอกกล่าวเป็นหนังสือขอถอนฟ้องจำเลยที่ 3 ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันชำระเงิน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่า โจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากนางดวงใจ ปุณณรัตน์จำเลยที่ 3 เป็นการชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 55/2527 ของศาลจังหวัดนครราชสีมา(อำเภอปากช่อง) และศาลได้พิพากษาตามยอมในคดีดังกล่าว เช็คพิพาทเป็นเช็คของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาปากช่องฉบับเลขที่ 045595 ลงวันที่ 14 ตุลาคม 2527 จำนวนเงิน 100,000 บาทจำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันลงชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายระบุชื่อนางดวงใจปุณณรัตน์ จำเลยที่ 3 เป็นผู้รับเงินโดยขีดฆ่าคำว่า “หรือผู้ถือ”ออก และด้านหน้าบนซ้ายของเช็คมีตราประทับเป็นอักษรภาษาอังกฤษว่า “เอ/ซี เปยี่ โอนลี่” (A/C PAYEE ONLY) ปรากฏตามเอกสารหมายจ.1 เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ได้ เพราะธนาคารตามเช็คปฏิเสธการใช้เงินอ้างว่ามีคำสั่งให้ระงับการจ่ายตามใบคืนเช็คเอกสารหมาย จ.2 ปัญหามีว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2ต้องรับผิดชดใช้เงินตามเช็คให้โจทก์หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า เช็คพิพาทในลักษณะดังได้กล่าวมาแล้วนั้นเปลี่ยนมือไม่ได้ จำเลยที่ 3ซึ่งเป็นผู้รับเงินจะต้องนำเข้าบัญชีของตน อย่างไรก็ตามจำเลยที่ 3จะโอนเช็คพิพาทให้โจทก์ได้ก็แต่โดยรูปการและด้วยผลอย่างการโอนสามัญดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 917วรรคสอง ประกอบมาตรา 989 การโอนสามัญก็คือการโอนสิทธิเรียกร้องซึ่งต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 306 วรรคหนึ่งที่บัญญัติว่า การโอนหนี้อันจะพึงต้องชำระแก่เจ้าหนี้คนหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจงนั้นถ้าไม่ทำเป็นหนังสือ ท่านว่าไม่สมบูรณ์ อนึ่งการโอนหนี้นั้นท่านว่าจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ลูกหนี้หรือบุคคลภายนอกได้แต่เมื่อได้บอกกล่าวการโอนไปยังลูกหนี้ หรือลูกหนี้จะได้ยินยอมด้วยในการโอนนั้น คำบอกกล่าวหรือความยินยอมเช่นว่านี้ท่านว่าต้องทำเป็นหนังสือ ดังนั้นแม้จะปรากฏตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 55/2527 ของศาลจังหวัดนครราชสีมา (อำเภอปากช่อง) ว่านางดวงใจจำเลยที่ 3 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ว่าจำเลยที่ 3 ยอมชำระหนี้ในคดีนั้นให้โจทก์ด้วยเช็คพิพาทและศาลได้พิพากษาตามยอมจนคดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้วก็ตาม ก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้แจ้งการโอนเช็คพิพาทตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีดังกล่าวไปให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ทราบเป็นหนังสือ หรือจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ให้ความยินยอมเป็นหนังสือในการโอนเช็คพิพาทดังกล่าวแต่ประการใด โจทก์จึงไม่อาจยกการโอนเช็คพิพาทดังกล่าวขึ้นเป็นข้อต่อสู้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ซึ่งเป็นลูกหนี้ได้ โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทที่จะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ 1 ที่ 2ผู้สั่งจ่ายซึ่งเป็นผู้เขียนข้อความทำนองเปลี่ยนมือไม่ได้จำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดชดใช้เงินตามเช็คพิพาทให้โจทก์ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.