คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11617/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามคำฟ้องของโจทก์บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 โดยได้บรรยายฟ้องถึงการกระทำความผิดของจำเลยไว้อย่างชัดแจ้งแล้วว่าจำเลยบังอาจเล่นการพนันทายผลฟุตบอลต่างประเทศ โดยจำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ รับพนันเอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีคำขอท้ายฟ้องให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 12 ซึ่งครบองค์ประกอบความผิดตามมาตราที่ขอให้ลงโทษจำเลยแล้ว ส่วนฟุตบอลที่มีการแข่งขันกันในวันที่เท่าใดมิใช่องค์ประกอบความผิดที่โจทก์จะต้องกล่าวมาในฟ้อง เป็นเพียงรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 4 ทวิ, 5, 6, 10 และ 12 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 และ 91 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 12 (2) ประกอบมาตรา 4 ทวิ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 1 ปี รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 2 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้หนึ่งในสี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 18 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลยรวม 2 กระทง กระทงละ 4 เดือน เป็นจำคุก 8 เดือน เมื่อลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า คำฟ้องโจทก์เป็นการบรรยายฟ้องที่ขัดต่อสภาพและลักษณะการกระทำความผิดฐานเล่นการพนันจึงเป็นคำฟ้องที่เคลือบคลุมหรือไม่ เห็นว่า ปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่โต้แย้งว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จะไม่ได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จำเลยก็ฏีกาโต้แย้งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 ประกอบด้วยมาตรา 225 แต่ตามคำฟ้องของโจทก์บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2479 โดยได้บรรยายฟ้องถึงการกระทำความผิดของจำเลยไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าจำเลยบังอาจเล่นการพนันทายผลฟุตบอลต่างประเทศ โดยจำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ รับพนันเอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีคำขอท้ายฟ้องให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการพนันดังกล่าว มาตรา 12 ซึ่งครบองค์ประกอบความผิดตามมาตราที่ขอให้ลงโทษจำเลยแล้ว ส่วนฟุตบอลที่มีการแข่งขันจะแข่งขันกันในวันที่เท่าใดมิใช่องค์ประกอบความผิดที่โจทก์จะต้องกล่าวมาในฟ้อง เป็นเพียงรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พยานหลักฐานของโจทก์มีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยเป็นเจ้าของสมุดบันทึกการรับแทงพนันทายผลฟุตบอลและเล่นพนันทายผลฟุตบอลโดยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้อันเป็นการกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 227 วรรคสอง สำหรับสมุดบันทึกการรับแทงพนันทายผลฟุตบอลของกลางตามคำเบิกความของนายสมศักดิ์ พยานจำเลยมีรายการพนันทายผลฟุตบอลจึงเป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด สมควรริบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33 (1) ส่วนของกลางอื่นนอกนั้นตามทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด จึงไม่ริบ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น
พิพากษากลับเป็นว่า ให้ยกฟ้อง แต่ให้ริบสมุดบันทึกการรับแทงพนันทายผลฟุตบอลของกลาง ของกลางอื่นให้คืนเจ้าของ

Share