แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ผู้มีชื่อในโฉนดที่ดินมอบที่นาและโฉนดให้ผู้อื่นครอบครองแล้วตนเองอพยพไปอยู่ที่อื่นประมาณ 15 ปีก็ตาย ผู้รับมอบและผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับมฤดกต่อมาได้ครอบครองโดยแสดงต่อคนทั้งหลายว่าตนเป็นเจ้าของต่อมาจนบัดนี้ ประมาณ 30 ปี โดยฝ่ายทายาทของผู้มีชื่อในโฉนดเดิมไม่เคยแสดงอาการเป็นเจ้าของเลย ดังนี้ถือว่าผู้ร้องซึ่งได้ครอบครองเป็นเจ้าของมากว่า 10 ปีได้กรรมสิทธิ
ในเบื้องต้นต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเจ้าของกรรมสิทธิผู้มีชื่อได้จดทะเบียนไว้ในโฉนดเป็นผู้ครอบครอง
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เมื่อ ๓๐ ปีมาแล้ว ม.ป. ได้ขายกรรมสิทธิที่ดินแปลงหนึ่งให้แก่นายสักนางแมงบิดามารดาของ+ผู้ร้องโดยมอบที่นาและโฉนดให้ทำตลอดมา ยังไม่ได้จดทะเบียนการโอนเมื่อ ๑๕ ปีมานี้ ม.ป.ตาย ผู้ร้องและภริยาเป็นผู้รับมฤดกปกครองต่อมา ขอแสดงกรรมสิทธิผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านว่าเป็นบุตร ม.ป. แต่ ม.ป. ไม่ไ้ดขายให้ เมื่อ ๑๐ ปีมานี้ ม. บิดาผู้คัดค้านได้ยืมเงินนางแมงมารดาผู้ร้องมา ๑๒๐ บาทแล้วมอบโฉนดที่ดินรายนี้ให้ทำกินต่างดอกเบี้ย
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ม. เจ้าของกรรมสิทธิตามโฉนดเจตนาละทิ้งไปเกิน ๑๐ ปี โดยอพยพไปอยู่ที่อื่นขาดกรรมสิทธิผู้ร้องได้ครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า ๑๐ ปีได้กรรมสิทธิ พิพากษาว่านาตกเป็นกรรมสิทธิของผู้ร้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า บุคคลมีชื่อในทะเบียนสันนิษฐานว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครองผู้ร้องนำสืบลบล้างไม่ได้ พิพากษากลับ ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ในเบื้องต้นจะสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเจ้าของกรรมสิทธิผู้มีชื่อจดทะเบียนไว้ในโฉนดเป็นผู้ครอบครองพ้องตามศาลอุทธรณ์แต่เห็นว่าตามคำพะยานทั้ง ๒ ฝ่ายไม่มีปรากฎให้เห็นเงื่อนงำอย่างไรเลยว่า นายลักนายแมงหรือผู้ร้องกับภริยาได้ครอบครองที่นานั้นโดยอาศัยอำนาจและยังคงรับนับถือความเป็นเจ้าของของ ม.ป. ตรงข้ามกลับได้ความว่านายลัก นางแมงได้แสดงออกโดยเปิดเผยต่อคนทั้งหลายว่าที่นานั้นเป็นของตนแล้ว แสดงว่าได้ครอบครองมาด้วยเจตนาเป็นเจ้าของอันเป็นปรปักษ์ต่อเจ้าของเดิม ส่วน ม.ป. เมื่อมอบนาแล้วก็อพยพไปอยู่ที่อื่นและไม่เคยแสดงอาการเป็นเจ้าของนาพิพาทเลย ถ้ามอบให้ทำต่างดอกเบี้ยจริงน่าจะมีติดต่อบ้างผู้ค้านก็ไม่เคยติดใจทำการรับมฤดกทั้งผู้ค้าน ก็มิใช่ผู้มีชื่อในโฉนด
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น